ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อใหม่ทั้งปีโตไม่น้อยกว่า 60% เตรียมใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยปล่อยสินเชื่อ และติดตามสินเชื่อได้เร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 65 นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP กล่าวว่า เราประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 65 นั้นน่าจะดีขึ้น จากปัจจัยการคลายล็อกดาวน์ ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยเร่งให้กิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว หนุนให้ภาคเอกชนกล้าลงทุนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน บริษัทฯ ได้วางแผนรองรับเรื่องดังกล่าวตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรก ด้วยการทำธุรกรรมบริการสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการให้บริการมากที่สุด ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น
สำหรับแผนธุรกิจของเอสแคป ในปี 2565 บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินงานทั้ง 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ 2. สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล นั้นเรามีแผนขยายทีมงานฝ่ายขายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปรับผลิตภัณฑ์ให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น
รวมถึงการปรับปรุงนโยบายทางเครดิตเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ส่วนธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เรามีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขาย และดีลเลอร์ในท้องถิ่นให้ครอบคลุมมากขึ้นในระดับอำเภอทั่วประเทศ รุกทำการตลาดกับดีลเลอร์ และปรับโปรโมชั่นให้เข้ากับความต้องการของท้องถิ่น ที่สำคัญเร่งพัฒนาระบบการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ เรายังได้เร่งผลักดันในการใช้เทคโนโลยีทำธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น Tech Leasing Company เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้าสู่ฝ่ายงานต่างๆ ในธุรกิจ เช่น ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อจาก credit scoring ของกลุ่มลูกค้าที่มีข้อมูลทางการเงิน และไม่มีข้อมูลทางการเงิน การตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร ผ่านระบบ e-Consent ซึ่งเรา ได้ทำงานร่วมกับกรมการปกครอง และ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างง่ายดาย
ส่วนการติดตามทวงถามหนี้ บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาระบบการทวงถามหนี้ โดยใช้ระบบ GPS เข้ามาช่วยให้การติดตามทวงถามหนี้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากนี้เทคโนโลยีจะเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจของเอสแคปที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างโดดเด่น
สำหรับเป้าหมายใหญ่ในปี 2565 คือ การเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมวางเป้าหมายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในช่วงปี 2566-2567 ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าแผนที่วางไว้ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ
ขณะเดียวกันผลงานของบริษัทฯ สามารถเติบโตได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้ และบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าระดมทุนเร็วกว่าคาดจะช่วยสนับสนุนโอกาสในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากเงินทุน ที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยีในอนาคต อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไปที่สนใจในธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง Tech Leasing ทั้งนี้ได้ประมาณการธุรกิจในปี 2565 ด้วยการเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 10,000 ล้านบาท