3 กรมภาษีหั่นรายได้สังเวยการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ปรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2565 ของกรมภาษี ทั้ง 3 แห่ง คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรใหม่ จากเดิมตามเอกสารงบประมาณเมื่อปีงบประมาณ 2564 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.82 ล้านล้านบาท ปรับเหลือ 2.56 ล้านล้านบาท หรือลดลง 260,000 ล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจและการใช้จ่ายภาคประชาชน

ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นเป้าหมายแต่ละกรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ตามเอกสารงบประมาณปี 2565 ไว้ที่ 1.87 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ตั้งไว้ 2.08 ล้านล้านบาท โดยรายได้สรรพากรส่วนใหญ่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนี้ยังมีรายได้ใหม่จากการเก็บภาษีอีเซอร์วิส ซึ่งจัดเก็บปีงบประมาณ 65 เป็นปีแรก ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ภาษีสรรพสามิต ตั้งเป้าหมายจัดเก็บที่ 592,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ตั้งเป้าไว้ 634,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันกว่า 200,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด รองลงมาเป็นภาษีบาป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ บุหรี่ และยาเส้นกว่า 200,000 ล้านบาท ภาษีรถยนต์ 100,000 ล้านบาท และภาษีอื่นๆอีกเกือบ 100,000 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากร ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ปีนี้ที่ 100,000 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการนำเข้าและส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ปี 65 กรมตั้งเป้าไว้ที่ 1.87 ล้านล้านบาท และในช่วงเดือนแรกของปีงบประมาณ 65 กรมสามารถเก็บภาษีได้ 120,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6,952 ล้านบาท.