ลุ้นกรุงศรีคว้าดีลซิตี้แบงก์ ซื้อพอร์ตรายย่อย 6 หมื่นล้าน

บลูมเบิร์กตีข่าวแบงก์กรุงศรีฯ ปิดดีลซื้อพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายย่อยของซิตี้แบงก์ มูลค่ากว่า 6.6 หมื่นล้านบาท เฉือนเอาชนะแบงก์กรุงเทพที่เหลือแข่งกันอยู่ 2 ราย หลังซิตี้กรุ๊ป ประกาศ ถอยออกจากตลาดสินเชื่อรายย่อยใน 13 ประเทศและเปิดประมูลพอร์ตตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ดันราคาหุ้น BAY ทะยาน

ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้น บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปรับตัว ขึ้นร้อนแรง โดยขึ้นไปสูงสุด 36.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท ก่อนมาปิดทำการที่ 36.50 บาท บวก 1.50 บาท หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ซิตี้ กรุ๊ป (Citigroup) ได้ตัดสินใจเลือกธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้ได้สิทธิ์ในการซื้อสินทรัพย์ของบริษัทในประเทศไทย มูลค่าโดยประมาณที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 66,000 ล้านบาท โดยคาดว่าการเจรจาของทั้งสองบริษัทจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ซิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนรวมถึงลูกค้าของบริษัท และกลยุทธ์ของซิตี้ กรุ๊ป ที่ให้ความสำคัญกับความมั่งคั่งและธุรกิจของสถาบันการเงินทั่วทั้งทวีปเอเชียที่กำลังมีความแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มทุนที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

ซึ่งนอกจากธนาคารกรุงศรีฯแล้ว ซิตี้ กรุ๊ป ยังได้ให้สิทธิ์กับ Union Bank of the Philippines ในการซื้อสินทรัพย์ในฟิลิปปินส์ในมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงให้สิทธิ์กับ Fubon Financial Holding Co. ของไต้หวันในการซื้อสินทรัพย์ในจีนมูลค่า 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯและให้สิทธิ์ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ในการซื้อสินทรัพย์ในมาเลเซียซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าสินทรัพย์ในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้ ซิตี้ กรุ๊ป สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้ปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการตัดสินใจเลิกธุรกิจรายย่อย สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต จะเหลือเพียงธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ใน 13 ประเทศที่เข้าไปลงทุน รวมประเทศไทย

ทั้งนี้ ซิตี้ กรุ๊ป ผู้ถือหุ้นใหญ่ในซิตี้แบงก์ ประเทศไทย และเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่มีแผนยกเลิกการทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อย พร้อมกับนำ พอร์ตสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต ที่มีวงเงินสินเชื่อประมาณ 70,000 ล้านบาท ออกมาประมูลขายให้กับสถาบันการเงินที่สนใจ ในช่วงเดือน ต.ค. 2564 ซึ่งมีธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่สนใจประมูล ทั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากนั้นธนาคาร กสิกรไทยได้ถอนตัว เหลือเพียงธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยกำหนดจะประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลปลายปีนี้ หรืออย่างช้าไตรมาส 1 ปี 2565

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 65 คาดว่า ตลาดจะเป็นขาขึ้น โดยดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 1,800 จุดได้ เพราะคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้สูงกว่าศักยภาพได้ หลังจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นๆ ประเมินตัวเลขจีดีพีไทยปี 65 จะขยายตัวกว่า 4% มีแรงหนุนจากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้มากขึ้น รวมถึงหวังว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมามากกว่า 10 ล้านคนขึ้นไป ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ส่วนแนวโน้มอัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS) บล.ทิสโก้คาดว่า ปี 65 จะเติบโตประมาณ 12% จากปี 64 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ ประกอบกับคาดว่าปีหน้าน่าจะมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จึงเชื่อว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันน่าจะใช้จังหวะเวลาที่เหลือออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากก่อนการเลือกตั้ง.