ธนาคารขานรับ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบใหม่ เริ่ม 3 ก.ย. 64

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ธนาคารขานรับ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบใหม่ เริ่ม 3 ก.ย. 64

Date Time: 3 ก.ย. 2564 16:45 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • แบงก์ชาติ สมาคมธนาคารไทย เร่งช่วยเหลือลูกหนี้โควิด-19 ทั้ง SMEs และรายย่อย มีผลทันที 3 ก.ย. 64

Latest


แบงก์ชาติ สมาคมธนาคารไทย เร่งช่วยเหลือลูกหนี้โควิด-19 ทั้ง SMEs และรายย่อย มีผลทันที 3 ก.ย. 64

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 64 นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า มาตรการแก้ไขหนี้เดิม และเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย ถูกปรับให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพื่อช่วยลูกหนี้ที่ยังได้รับผลกระทบหนักให้สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้ และต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมของทั้งกับลูกหนี้และเจ้าหนี้

โดยไม่สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม (moral hazard) เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิผล โดยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจริงก็ควรได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามสถานะของลูกหนี้แต่ละราย ทั้งนี้ ธปท. จะร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการเร่งรัดและติดตามการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารสมาชิกพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งรายย่อยและ SMEs ตามมาตรการเพิ่มเติมของ ธปท. ทั้งในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องหรือแนวทางการช่วยเหลือโดยการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

เมื่อทางสถาบันการเงินรับทราบรายละเอียดของมาตรการต่างๆ ที่ ธปท.ประกาศออกมาแล้ว สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะจัดทำทางเลือกการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละกลุ่ม หรือ Product program ให้สอดคล้องกับปัญหาและสถานะของลูกหนี้ และติดตามดูแลช่วยเหลือลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ธนาคารยังเป็นกลไกสำคัญและมีกำลังไปช่วยลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ในระยะต่อไป

สำหรับ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 64 ได้แก่

1. การปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อกว่าคาดและยังมีความไม่แน่นอนสูง เพื่อช่วยให้บางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น ได้แก่

- ขยายวงเงินสินเชื่อให้แก่ SMEs ที่เดิมมีวงเงินสินเชื่อเดิมต่ำ หรือไม่มีวงเงินกับสถาบันการเงิน เพราะใช้เงินทุนส่วนตัวหรือรายได้ของบริษัทในการประกอบธุรกิจเป็นหลัก

- เพิ่มการค้ำประกันและปรับลดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น micro-SMEs และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น

ทั้งนี้ สถาบันการเงินสามารถยื่นคำขอสินเชื่อฟื้นฟูมายัง ธปท. ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 64

2. การผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อลูกหนี้รายย่อยเป็นการชั่วคราว ในส่วนของบัตรเครดิต สินเชื่อ ส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อลดภาระการจ่ายชำระหนี้ ตลอดจนเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 64 จนถึงสิ้นปี 2565 โดย

- ขยายเพดานวงเงินเป็น 2 เท่าของเงินเดือน สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กรณีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท นอกจากนี้ สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้กู้สามารถขอสินเชื่อได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ให้บริการ

- คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต 5% ต่อไปจนถึงสิ้นปี 65

- ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลจากรายละไม่เกิน 20,000 บาท เป็น 40,000 บาท และขยายระยะเวลาการชำระคืนจากไม่เกิน 6 เดือน เป็น 12 เดือน

ทั้งนี้ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย มุ่งหวังว่ามาตรการที่ปรับใหม่ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุด ทันการณ์ และได้ผลจริงอย่างยั่งยืน สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์และผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

ดังนั้น ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย ที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องและแก้ไขหนี้เดิม สามารถติดต่อผู้ให้บริการทางการเงินที่ใช้บริการอยู่เพื่อรับความช่วยเหลือได้แล้ว และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อผ่านผู้ให้บริการทางการเงินโดยตรง หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร 1213


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ