เช็กรายชื่อ ธนาคารรัฐ ธนาคารพาณิชย์ ขานรับนโยบายรัฐ และธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วม "มาตรการพักหนี้" สู้โควิด สูงสุด 12 เดือน
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐ หลายแห่งได้ขานรับนโยบายของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ (แบงก์ชาติ จับมือธนาคาร ประกาศพักหนี้ 2 เดือน ช่วยประชาชนเริ่ม ก.ค. 64) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อ Home for Cash, สินเชื่อกรุงไทยบ้านให้เงิน) จะได้พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะดอกเบี้ย) นาน 3 เดือน หรือ ลดค่างวด โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ นานสูงสุด 12 เดือน หรือ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยบางส่วน นานสูงสุด 12 เดือน
2. สินเชื่อบุคคล วงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา ลดการผ่อนชำระลง 30% จากการผ่อนชำระตามสัญญากู้เดิม นานสูงสุด 6 เดือน
3. สินเชื่อบุคคล ประเภทวงเงินหมุนเวียน เปลี่ยนเป็นวงเงินกู้แบบกำหนดระยะเวลา (Term Loan) 48 งวด หรือ ขยายระยะเวลาได้ตามความสามารถในการชำระหนี้
สำหรับลูกค้าธุรกิจ มี 4 มาตรการ คือ
1. มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู สำหรับผู้ประกอบการอัตราดอกเบื้ยพิเศษ 2 ปีแรก ไม่เกิน 2% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี เว้นได้รับดอกเบื้ย 6 เดือนแรก รวมได้ค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นานสูงสุด 10 ปี
2. มาตรการสำหรับสินเชื่อธุรกิจ SME จะมี 2 ส่วนตามวงเงินกู้
- วงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท สินเชื่อประเภท Term Loan พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบื้ยสูงสุด 6 เดือน หรือขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 24 เดือน สำหรับสินเชื่อ P/N และ Trade Finance ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน
- วงเงินกู้ 20-500 ล้านบาท สินเชื่อประเภท Term Loan พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบื้ยสูงสุด 12 เดือน สำหรับสินเชื่อ P/N และ Trade Finance ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน
3. มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ช่วยเหลือลูกค้าที่มีหลักทรัพย์เป็นหลักประกัน ช่วงรอให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ธนาคารจะโอนทรัพย์ชำระหนี้และให้สิทธิ์คืนสินทรัพย์ในอนาคต ในราคารับโอนบวกต้นทุนการถือครองทรัพย์ (Carrying Cost) 1% ต่อปี บวกค่าดูแลทรัพย์ที่ธนาคารจ่ายตามจริง หักค่าเช่าทรัพย์หลังตีโอนที่ลูกค้าชำระมาแล้ว
4. มาตรการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง เน้นการให้ช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารมากกว่า 1 แห่ง และมีวงเงินสินเชื่อรวมทุกธนาคาร ตั้งแต่ 50-500 ล้านบาทที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและวิกฤติโควิค-19 โดยพิจารณาเงื่อนไขตามความสามารถของลูกค้า อาทิ ปรับลดหย่อนชำระ ยืดเวลาผ่อนชำระหนี้ เสริมสภาพคล่องให้ลูกค้า
1. ลูกค้า SME ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ละรายจะได้รับการพักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยแนวทางการเรียบเก็บเป็นไปตามนโยบายของธนาคาร และอัตราดอกเบื้ยจะเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยผิดนัด และการพักชำระหนี้นี้ไม่ถือเป็นเหตุแห่งการผิดนัดเงื่อนไขการชำระหนี้ตามสัญญา และไม่ถือเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
หากลูกค้าสินเชื่อ SME ที่ต้องปิดกิจการในพื้นที่ควบคุมฯ 10 จังหวัด รวมถึงที่อยู่นอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เช่น ร้านนวด-สปา ร้านเสริมความงาม ร้านขายของในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และไม่มีสถานะเป็น NPL ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ ติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารได้ตั้งแต่ 19 ก.ค. - 15 ส.ค. 64
2. สินเชื่อส่วนบุคคล พักดอกเบี้ยและเงินต้นสูงสุด 2 รอบบัญชี
สำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิต ซึ่งมีสถานะบัญชีปกติ และเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามประกาศของภาครัฐในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด 10 จังหวัด โดยดอกเบี้ยยังคงคำนวณตามอัตราปกติแบบลดต้นลดดอก ทั้งนี้ สถานะบัญชีของลูกค้าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนแปลง สามารถลงทะเบียนรับพิจารณาความช่วยเหลือผ่านทางศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชัน UChoose ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 ส.ค. 64 โดยจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี
ส่วนมาตรการอื่นๆ ทางธนาคารจะมี 3 มาตรการ
มาตรการที่ 1 : มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าทุกราย - ลดยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตามรอบบัญชี ถึง 31 ธันวาคม 2564 สำหรับลูกค้าทุกราย โดยมิต้องติดต่อแจ้งความจำนง
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลจากเดิม 5% เหลือ 3% ตามรอบบัญชี ถึง 31 ธันวาคม 2564 สำหรับลูกค้าทุกราย โดยมิต้องติดต่อแจ้งความจำนง
มาตรการที่ 2 : มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ - ปรับลดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ และขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยลูกค้าต้องลงทะเบียนแจ้งความจำนง และจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษและลดภาระการชำระคืนด้วยการขยายเวลาการผ่อนชำระนานสูงสุด 48 เดือน
โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลกรณียอดสินเชื่อคงค้างน้อยกว่า 30,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษและลดการผ่อนชำระขั้นต่ำเหลือเพียง 3% กรณียอดสินเชื่อคงค้าง 30,000 บาทขึ้นไป รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และลดภาระการชำระคืนด้วยการขยายเวลาการผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน ลงทะเบียนรับพิจารณาความช่วยเหลือดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชัน UChoose ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 64
มาตรการที่ 3 : มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกหนี้ค้างชำระ - ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือน โดยขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต และสำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคล โดยลูกค้าสามารถแจ้งความจำนงมายังบริษัท
ประกาศพักหนี้ 2 เดือน ตามมาตรการ ธปท. โดยได้รับสิทธิ์ทั้งนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของรัฐบาล โดยลูกค้าแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 ส.ค. 64 ผ่าน 2 ช่องทาง 1. SCB EASY APP และ 2. SCB Call Center โทร. 02-777-7777 เลือกเมนูมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าจากสถานการณ์โควิด-19 (กด 9)
ช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการ SME และลูกค้ารายย่อย ในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมฯ ของรัฐบาลด้วยการพักชำระหนี้ 2 เดือน ผู้ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง คือทางเว็บไซต์ https://bit.ly/36C2eyn และโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. ถึง 15 ส.ค. 2564
สินเชื่อบุคคล มาตรการช่วยเหลือที่ได้รับสิทธิอัตโนมัติ ลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำจาก 10% เป็น 5% รวมถึงลดอัตราดอกเบี้ยจาก 18% เป็น 16%
ส่วนมาตรการช่วยเหลือที่ต้องลงทะเบียน ได้แก่
1. พักชำระหนี้ 2 เดือน มาตรการเพิ่มเติม เฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากสถานประกอบการที่ต้องปิดกิจการในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ
2. ลดดอกเบี้ยค้างชำระ โดยต้องชำระหนี้ตามปกติ โดยพิจารณาตามเขตพื้นที่ และผลกระทบที่ได้รับ
3. เปลี่ยนเป็นสินเชื่อผ่อนชำระไม่เกิน 72 งวด คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 12% โดยพิจารณาตามเขตพื้นที่ และผลกระทบที่ได้รับ
4. ผ่อนชำระหนี้ระยะเวลา 36 เดือน ใช้วงเงินคงเหลือได้ โดยพิจารณาตามความสามารถในการชำระหนี้
5. ขยายวงเงินลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่าเป็น 2 เท่า ชั่วคราว
ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือและติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่ สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารทั่วประเทศ และบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0-2645-5555
พักชำระหนี้ 2 เดือน ให้ลูกหนี้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ต้องปิดกิจการตามาตรการของรัฐบาล โดยผู้ที่ร่วมมาตรการนี้ได้คือ นายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการพื้นที่ควบคุม (10 จังหวัด) และลูกหนี้ที่ต้องปิดกิจการในพื้นที่นอกควบคุม เช่น ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม และลูกหนี้ไม่เป็น NPL ณ วันที่ลงทะเบียนมาตรการช่วยเหลือ สามารถลงทะเบียนได้ถึง 31 ส.ค. 64
ประกาศพักหนี้ 3 เดือน (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) ลำหรับลูกค้า SME และสินเชื่อรายย่อย ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการตามมาตรการของรัฐบาล ในพื้นที่ควบคุมและพื้นที่นอกควบคุม แจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือตั้งแต่ 19 ก.ค. - 15 ส.ค. 64 ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ผ่าน LH Bank Call Center โทร.1327 สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบัญชี
พักชำระหนี้สูงสุด 6 งวด (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) โดยลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท และไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบทำให้ต้องเลิกกิจการ ถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้ ฯลฯ (ยกเว้นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ) โดยพักเงินงวดผ่อนชำระให้สูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม - เดือนธันวาคม 2564
โดยธนาคารแบ่งความช่วยเหลือเป็น 2 เฟส
- เฟสแรกวันที่ 25 กรกฎาคม 2564
- เฟสที่สองช่วงเดือนสิงหาคม โดยลูกค้าจะทยอยได้รับ SMS หรือ Notification แจ้งทางแอป MyMo ให้สามารถกดรับสิทธิ์เพื่อขอพักชำระหนี้ผ่านแอป MyMo จนเสร็จสิ้นกระบวนการ กรณีที่ลูกค้ายังไม่มีแอปพลิเคชัน สามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานด้วยตนเอง หรือ ติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
พักชำระหนี้เงินต้น 6 เดือนถึง 1 ปี ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกรตามความสมัครใจ โดยผู้มีสิทธิ์กว่า 2.82 ล้านราย พร้อมสนับสนุนสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ให้กับเกษตรกรรายย่อยและลูกจ้างภาคการเกษตร วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ส่งชำระคืน 3 ปี ปลอดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก รายละไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักประกัน
สนใจแจ้งความประสงค์ เข้าร่วมโครงการผ่าน 1. LINE Official BAAC Family 2. เว็บไซต์ www.baac.or.th และ 3. Call Center 02-555-0555 จนถึง 31 ธ.ค. 64
พักหนี้ 3 เดือน (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) ช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า เนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด โดยจะช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และลูกค้าที่มีสถานะ NPL หรือลูกหนี้ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้
หากสนใจ สามารถลงทะเบียนได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ 1. Mobile Application GHB ALL 2. เว็บไซต์ธนาคาร https://www.ghbank.co.th 3. Line GHB Buddy สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือเว็บไซต์ ghbank.co.th
ประกาศพักหนี้ 2 เดือน (เงินต้นและดอกเบี้ย) สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งลูกค้าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบุคคล จะได้พักชำระหนี้ 2 เดือน
ส่วนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม ธนาคารจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยพิจารณาจากความเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เช่น การลดยอดผ่อนชำระเหลือ 70% ของยอดผ่อนชำระปกติ หรือพักชำระเงินต้นโดยผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน หรือเปลี่ยนยอดคงค้างในบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด เป็นยอดผ่อนชำระ 48 เดือน เป็นต้น
มาตรการสำหรับลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มีวงเงินกู้ระยะยาว วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน ธนาคารจะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 2 เดือน
มาตรการสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ ทีทีบีไดรฟ์ โดยในกลุ่มรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว รถแลกเงิน และเล่มแลกเงิน (รถแลกเงินแบบลดต้นลดดอก) สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือต้องปิดกิจการ หรือไม่สามารถให้บริการได้ตามคำสั่งของ ศบค. ธนาคารจะมีมาตรการพิเศษ พักชำระค่างวดสูงสุดไม่เกิน 2 งวด
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม ธนาคารจะพิจารณาลดค่างวด หรือขยายเวลาผ่อนชำระ หรือมาตรการอื่นๆ ผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลมาตรการช่วยเหลือของธนาคารและต้องการสมัครเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. - 15 ส.ค. 64
เช็กรายชื่อ ธนาคาร และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ทั้งหมด ที่นี่