"ซอฟต์โลน" ทะลักเขื่อนแตก ลูกหนี้เอสเอ็มอีพักชำระเงินต้นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู (ซอฟต์โลน) โครงการ 2 ที่ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และตรงกับความต้องการมากกว่าสินเชื่อโครงการแรก และได้เปิดให้สถาบันการเงินเข้ามาขอรับสินเชื่อเพื่อปล่อยกู้ต่อให้กับเอสเอ็มอีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง พบว่า ณ วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มียอดการปล่อยสินเชื่อ 6,212 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นจากสัปดาห์แรกที่มีการปล่อยสินเชื่อไป 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,705 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีขนาดกลาง หรือมีสินเชื่อเดิมที่ 5-50 ล้านบาท คิดเป็น 50%

ล่าสุดได้ปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี 3,012 ราย เพิ่มขึ้น 2,633 ราย จากสัปดาห์แรกที่ปล่อยสินเชื่อได้ 379 ราย เอสเอ็มอีที่ได้รับสินเชื่อสูงสุด 61.5% เป็นสินเชื่อขนาดเล็กที่มีสินเชื่อน้อยกว่า 5 ล้านบาท หากพิจารณาค่าเฉลี่ยของวงเงินที่เอสเอ็มอีได้รับอยู่ที่ 2.1 ล้านบาทต่อราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.3 ล้านบาทต่อราย ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับความช่วยเหลือมากที่สุด คือ ภาคการพาณิชย์ อุตสาหกรรมการผลิต และภาคการก่อสร้าง

สำหรับตัวเลขการขอปรับโครงสร้างหนี้ของธุรกิจ และภาคเอกชน ณ วันที่ 31 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่เกิดโควิด-19
ระลอก 3 ในเดือน เม.ย. พบว่ามียอดคงค้างการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 5.79 ล้านบัญชี เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) 1.77 ล้านบัญชี และเป็นของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 4.02 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมที่ได้รับความช่วยเหลือ 3.69 ล้านล้านบาท เป็นของสถาบันการเงิน และนอนแบงก์ 2.06 ล้านล้านบาท และเป็นของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 1.63 ล้านล้านบาท

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ลูกค้าที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขอพักชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราว และชำระเฉพาะดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ โดยให้แจ้งความต้องการได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ คือ ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้แจ้งความประสงค์และเลือกแผนชำระหนี้ ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo และเอสเอ็มอี ที่เป็นบุคคลธรรมดา แจ้งความต้องการได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา.