นายนที ขลิบทอง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของธนาคารออมสิน หลังจากได้รับแจ้งว่าปัจจุบันมีกองทุนและสมาชิกที่อยู่ในข่ายมีหนี้ค้างชำระรวม 5,680 กองทุน มีจำนวนสมาชิก 40,733 คน แยกเป็นหนี้ใกล้ถึงระยะเวลา 90 วัน รวม 663 กองทุน จำนวนสมาชิก 5,014 ราย และมีหนี้ค้างชำระใกล้ถึงระยะเวลา 60 วัน อีก 5,017 กองทุน จำนวนสมาชิก 35,719 ราย ซึ่งในวันที่ 23 มี.ค.นี้ สทบ.จะหารือกับธนาคารออมสิน และประธานเครือข่ายจังหวัด เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือนั้น จะหารือถึงหลักการช่วยเหลือโดยให้กองทุนและสมาชิกที่มีปัญหา สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยธนาคารออมสินจะนำเสนอรายละเอียด และแนวทาง เช่น ช่วยเหลือด้วยการพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 1-2 ปีตามความเหมาะสมเป็นรายกองทุน หรือรายบุคคล คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือน มิ.ย.นี้ รวมทั้งฝึกอบรมกองทุน และสมาชิกให้มีรายได้ต่อเนื่อง เพื่อให้มีเงินมาชำระหนี้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย เพื่อแก้ปัญหาเดียวกันด้วย
“เหตุผลที่ต้องเร่งแก้เรื่องนี้ และได้นำเรื่องมาขอมติที่ประชุม เพราะถ้าปล่อยไว้ ไม่นานธนาคารออมสินอาจฟ้องล้มละลายกองทุน เพราะมีหนี้ค้างชำระ จึงต้องเร่งหาทางช่วยเหลือและแก้ปัญหาโดยด่วน ส่วนตัวเลขมูลหนี้นั้นตอนนี้ ยังต้องรอออมสินรายงานมาก่อนว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในการหารือจะมีการพูดคุยกัน เพราะปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าของออมสิน ที่เหลือเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. และกรุงไทย ถ้ารวมตัวเลขเบื้องต้น น่าจะมีกองทุนที่มีปัญหาหนี้ค้างชำระทุกธนาคารประมาณ 10,000 กองทุน”
โดยหากแก้ปัญหานี้สำเร็จ สทบ.จะเริ่มต้นทำโครงการอื่นๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะโครงการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม หลังคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท กันเงินไว้ให้ และ สทบ.ทำโครงการแล้ว วงเงิน 15,000 ล้านบาท ล่าสุด กำลังปรับปรุงรายละเอียดโครงการ คาดว่าเร็วๆนี้จะได้ข้อสรุป.