นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้จัดตั้งทูตภาษีทั่วประเทศ เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 63 เพื่อช่วยให้คำแนะนำการเสียภาษีให้กับผู้มีรายได้ทุกคน ซึ่งผู้มีรายได้ทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย โดยทูตภาษีจะแนะนำวิธีการชำระภาษี การคำนวณภาษี การกรอกเอกสารต่างๆ ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพากรมีนโยบายลดการส่งเอกสารแล้ว เพราะระบบเชื่อมโยงกันได้ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ดังนั้น จึงขอให้ผู้มีรายได้ทุกคนมาชำระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะการชำระภาษีถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่มีรายได้ทุกคน ซึ่งรอบการชำระภาษีปี 63 ต้องยื่นชำระภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.64 ทั้งนี้ หากหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีจะถูกปรับตามกฎหมาย เช่น กรณีเสียภาษีไม่ครบและไม่มาจ่ายภาษีจะต้องเสียเบี้ยปรับ 0.5-1 เท่าของมูลค่าภาษีที่ต้องจ่ายและต้องจ่ายเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย ฉะนั้นหากมาปรึกษาทูตพาณิชย์ ก็อาจไม่ถูกปรับและอาจได้เงินคืนด้วย ส่วนการเลื่อนจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาปีภาษี 63 นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับนโยบายรัฐบาล
“ขณะนี้กรมสรรพากรมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลการชำระภาษีแล้ว จะรู้ข้อมูลว่าใครหลีกเลี่ยงภาษี ไม่หลีกเลี่ยงภาษีได้แล้วดังนั้น ผู้มีรายได้ต้องมาเสียภาษี ส่วนร้านค้าเมื่อประกอบกิจการมีกำไรก็ต้องเสียภาษี แต่เมื่อขาดทุน ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว ซึ่งระบบการจัดเก็บภาษีต้องสร้างความเป็นธรรมให้ทุกคน เปรียบเทียบการจ่ายภาษีให้เหมือนคนอยู่คอนโดที่ต้องจ่ายส่วนกลาง โดยเงินค่าส่วนกลางนำไปพัฒนาให้คอนโดน่าอยู่ สะอาดปลอดภัย เมื่อคนไทยจ่ายภาษี รัฐก็มีเงินมาพัฒนาประเทศได้”
นายเอกนิติยืนยันว่า กรมสรรพากรจะไม่คิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากประชาชนที่รับเงินในมาตรการของรัฐ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้กรมมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวบรวมมาตรการต่างๆที่ได้ออกมาปีที่แล้ว เพื่อออกกฎหมายเว้นภาษีจากโครงการดังกล่าวด้วย ดังนั้น ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 64 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.085 ล้านล้านบาท.