ธนาคารกรุงเทพรวมสาขากับธนาคารเพอร์มาตาอย่างเป็นทางการแล้ว ยกสถานะเพอร์มาตาขึ้นเป็น 1 ใน 10 สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ธนาคารได้รวมสาขาในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย (OJK) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 63
ทั้งนี้ เป็นการรวมสินทรัพย์ และหนี้สินที่มีคุณภาพของสาขาธนาคารกรุงเทพในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาในครั้งนี้ ทำให้สถานะของธนาคารเพอร์มาตาขยับขึ้นเป็นธนาคารขนาดใหญ่ 1 ใน 10 ของอินโดนีเซีย
เมื่อได้รับการยืนยันจาก OJK ธนาคารเพอร์มาตาจะเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม BUKU IV ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ระดับสูงสุดจากการจัดระดับโดยธนาคารกลางแห่งอินโดนีเซียตามขนาดของเงินทุน โดยมีเงินทุนรวมกว่า 30 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว 63,332 ล้านบาท
ชาติศิริ กล่าวว่า การผนวกสาขาของธนาคารกรุงเทพในอินโดนีเซีย เข้ากับธนาคารเพอร์มาตา เป็นการดำเนินการต่อเนื่องตามแผน หลังจากธนาคารกรุงเทพเข้าซื้อกิจการธนาคารเพอร์มาตาเสร็จสมบูรณ์ในเดือน พ.ค.63 และเข้าถือหุ้น 98.71% หลังดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63
โดยการรวมสาขาของธนาคารกรุงเทพในประเทศอินโดนีเซียเข้าเป็นทีมเดียวกับธนาคารเพอร์มาตา ถือเป็นการรวมจุดแข็งของทั้ง 2 ธนาคารเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในฐานะธนาคารที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของอินโดนีเซีย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่า ธนาคารเพอร์มาตาพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวและยามผันผวน
ขณะนี้ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพในอินโดนีเซีย คือ ลูกค้าของธนาคารเพอร์มาตา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงเทพ และด้วยเครือข่ายบริการที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถใช้บริการได้อย่างหลากหลาย เช่น บริการสำหรับลูกค้าบุคคล บริการทางการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม หรือ ชะรีอะฮ์ รวมถึงนวัตกรรมด้านบริการธนาคารดิจิทัล และบริการด้านสินเชื่อในสกุลเงินรูเปียห์
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ จะทำงานร่วมกับธนาคารเพอร์มาตา เพื่อประสานความร่วมมือในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ โดยผสานจุดแข็งด้านเครือข่ายในประเทศและภูมิภาคระหว่างสองธนาคารเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์คุณค่า ให้ลูกค้าในภูมิภาคสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอินโดนีเซียได้มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าในอินโดนีเซียสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ