นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้กำหนดแนวทางการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 โดยอนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลได้โดยคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินและผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หลังจากพิจารณาแผนบริหารจัดการเงินกองทุนและผลประเมินการฐานะการเงิน และการดำเนินงานในภาวะวิกฤติหรือ stress test ในช่วงปี 2563-2565 พบว่า สถาบันการเงินยังคงมีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์เลวร้ายจากการระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับสถาบันการเงินได้ทยอยตั้งสำรองและสะสมเงินกองทุนเพิ่มเติมมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์มีอัตราการกันเงินสำรองถึง 1.5 เท่าของสินเชื่อด้อยคุณภาพ และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 19.8% ณ ไตรมาส 3 ปี 2563 อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้า สถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ธปท. จึงเห็นควรมีมาตรการเชิงป้องกัน โดยให้สถาบันการเงินจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของปี 2563 ได้ไม่เกินอัตราที่จ่ายในปี 2562 และต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของปี 2563 สอดคล้องกับแนวทางของผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินในต่างประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงิน และลูกหนี้ในระยะยาว
“นโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ระบบสถาบันการเงินไทยเข้มแข็ง รักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง มีกันชนรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัว”
ส่วนการจ่ายเงินปันผลในปีถัดๆ ไปนั้น จะต้องดูแลและติดตามการจ่ายปันผลของสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาในภาพรวมเป็นช่วงๆ โดยต้องดูระดับเงินกองทุนของสถาบันการเงินเป็นหลักในการรองรับสถานการณ์ในระยะข้างหน้า.