ผู้สื่อข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ต.ค.2563 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง จะแถลงร่วมกับผู้บริหารสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้หลังสิ้นสุดการพักชำระหนี้ในวันที่ 22 ต.ค.นี้
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ขณะนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารธนาคารของรัฐส่งแผนงานการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงที่ผ่านมา และแผนการช่วยเหลือในระยะต่อไปให้พิจารณา ซึ่งในส่วนของ ธ.ก.ส.แผนงานที่ออกมาจะต้องแรงขึ้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มที่ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งหมดผ่านการพักชำระหนี้ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการพักชำระหนี้แล้ว ธ.ก.ส.ก็จะทำการปรับโครงสร้างให้แก่ลูกหนี้ที่ยังไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูในระดับนโยบายด้วยว่าจะสามารถช่วยเหลือธนาคารได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากการพักชำระหนี้หรือการปรับโครงสร้างหนี้นั้นส่งผลกระทบต่อภาพรวมการดำเนินงานของธนาคาร
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธนาคารได้ส่งผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมาและแผนงานระยะต่อไปในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ระดับนโยบายพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้รอดูว่าระดับนโยบายจะมีแนวทางใดที่จะให้ธนาคารดำเนินการเพิ่มเติม
“ที่ผ่านมา ธอส.ได้ออกหลายมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ และแต่ละมาตรการจะทยอยครบกำหนดระยะเวลาช่วยเหลือ ซึ่งก็พบว่าจะมีลูกหนี้ส่วนหนึ่งที่อาจจะตกชั้นกลายเป็นหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ซึ่งธนาคารได้ทำการสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้รองรับแล้วกว่า 5,500 ล้านบาท”.