นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา และ ธปท.ได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้กู้ร่วมในสินเชื่ออาศัยที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยที่กู้ร่วม ให้ได้รับสินเชื่อตามความเหมาะสมมากขึ้น
“ธปท. จึงพิจารณาผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว ในส่วนของการนับสัญญาของลูกค้า กรณีกู้ร่วม โดยถ้าผู้กู้ร่วมในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สัญญาแรก ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยดังกล่าว ให้ผ่อนปรนการนับสัญญากู้เพื่อคิดสัดส่วนเงินให้กู้ตามเกณฑ์ LTV ของ ธปท.เสมือนผู้กู้ร่วมนั้นยังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น เนื่องจากไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่ออยู่อาศัย เป็นเพียงการช่วยเหลือกันภายในครอบครัวเท่านั้น”
ทั้งนี้ ธปท.ได้ยกตัวอย่างกรณีการผ่อนปรนดังกล่าว โดยหากนาย A กับนาย B กู้ร่วมกันซื้อบ้านในสัญญาแรก แต่กรรมสิทธิ์ของบ้านเป็น ของนาย A คนเดียว จะผ่อนปรนว่านาย B ไม่ได้เป็นผู้กู้ หากการกู้ครั้งต่อมา นาย B กู้ซื้อบ้านของตนเอง ให้นับสัญญาซื้อบ้านของนาย B เป็นสัญญาแรก หรืออีกกรณี เช่น หากนาย A ได้กู้ซื้อบ้านไปแล้ว และมากู้ร่วมกับนาย B แต่นาย B เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านคนเดียว ให้นับสัญญาที่กู้ร่วมดังกล่าวเป็นสัญญาที่ 1 ของนาย B ไม่ได้รับเป็นสัญญาที่ 2 ซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้กู้ร่วมเหมาะสมมากขึ้น.