คลังฟุ้งได้นั่งประธานแบงก์ใหม่ ซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคาต่ำตลาด 20%

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการควบรวมธนาคารทหารไทยหรือ ทีเอ็มบี และธนาคารธนชาตว่า ในเบื้องต้นมีข้อตกลงร่วมกันว่า ผู้ถือหุ้นเดิมของทีเอ็มบีจะสามารถซื้อหุ้นเพื่อเพิ่มทุนในราคาที่ต่ำกว่าตลาด 20% ส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ในธนาคารหลังการควบรวมจะซื้อหุ้นได้ในราคาสูงกว่าตลาดเล็กน้อย สำหรับเงินที่กระทรวงการคลังจะต้องใส่ไปเพื่อเพิ่มทุนในธนาคารใหม่นั้น จะอยู่ราว 10,000 ล้านบาท โดย สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง ในธนาคารแห่งใหม่จะใกล้เคียงกับสัดส่วนการถือหุ้นเดิมในทีเอ็มบี หรือลดลงจากเดิมไม่เกิน 1% ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้นในทีเอ็มบี 25.92% “สาเหตุที่ผู้ถือหุ้นทีเอ็มบีซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าตลาด เนื่องจากทีเอ็มบีมีสินทรัพย์มากกว่าเมื่อควบรวมกับธนชาต ซึ่งจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของธนาคารแห่งใหม่สูงขึ้น ดังนั้นผู้ถือหุ้นเดิมของทีเอ็มบี จึงควรได้แต้มต่อ คือ ได้ซื้อหุ้นใหม่ในราคาที่ลดลง และเมื่อพิจารณาจากราคาตลาด ณ ปัจจุบัน เมื่อลดราคาหุ้นแล้ว ราคาที่กระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นเดิมของทีเอ็มบีจะได้รับคือ 2.17 บาทต่อหุ้น โดยสัดส่วนการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะเป็น 15 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเพิ่มทุนธนาคารแห่งใหม่กระทรวงการคลังจะถือหุ้นอยู่ในอันดับ 2 หรือ 3 ขณะที่กลุ่ม ING ยังคงถือหุ้นอันดับหนึ่งเช่นเดิม แต่กระทรวงการคลังจะได้สิทธิในการเป็นประธานและสิทธิบริหารในธนาคารแห่งใหม่ สำหรับการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาที่ถูกกว่าตลาด 20% นั้นเป็นการตกลงเบื้องต้น แต่ต้องมาพิจารณาอีกครั้งหลังตรวจสอบและประเมินทรัพย์สิน (due diligent) ขณะที่แหล่งเงินทุนของกระทรวงคลังที่จะใช้เพิ่มทุนนั้น นอกเหนือจากขายหุ้นในกองทุนวายุภักษ์แล้ว อาจใช้เงินงบประมาณด้วย แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ในการพิจารณาแผนเพิ่มทุน เพราะไม่สามารถทำให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้.