ทหารไทย-ธนชาต ควบรวมแค่เริ่มต้น ยังไม่แน่นอน กระบวนการลากยาว ถึงสิ้นปี

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทหารไทย-ธนชาต ควบรวมแค่เริ่มต้น ยังไม่แน่นอน กระบวนการลากยาว ถึงสิ้นปี

Date Time: 12 มี.ค. 2562 17:17 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • ฟิทช์ มอง ทหารไทย-ธนชาต ควบรวมช่วยให้เครือข่ายธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น ชี้แค่เริ่มต้นยังไม่เกิดขึ้นจริง กระบวนการลากยาวไปถึงสิ้นปี 62 มีอีกหลายเงื่อนไขพิจารณา มีความไม่แน่นอนที่จะสำเร็จตามที่คาด

Latest


ฟิทช์ มอง ทหารไทย-ธนชาต ควบรวมช่วยให้เครือข่ายธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น ชี้แค่เริ่มต้นยังไม่เกิดขึ้นจริง กระบวนการลากยาวไปถึงสิ้นปี 62 มีอีกหลายเงื่อนไขพิจารณา มีความไม่แน่นอนที่จะสำเร็จตามที่คาดไว้...

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การรวมกิจการระหว่าง ธนาคารธนชาต และ ธนาคารทหารไทย อาจส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิต หากฟิทช์ประเมินว่าด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นหลังการรวมกิจการ จะช่วยส่งเสริมให้ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในเชิงลบต่ออันดับเครดิต น่าจะเกิดขึ้นจากความซับซ้อนและอุปสรรคในการรวมการดำเนินงานและการผสานวัฒนธรรมองค์กรของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกัน 

ทั้งนี้ธนาคารขนาดกลางของประเทศไทย 2 แห่งดังกล่าว ได้ประกาศการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการรวมกิจการของทั้ง 2 ธนาคารเข้าด้วยกัน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นและการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มากนัก ฟิทช์คาดว่าจะพิจารณาผลกระทบต่ออันดับเครดิต เมื่อกระบวนการรวมกิจการเกิดขึ้นจริง และเมื่อแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเครดิตของทั้ง 2 ธนาคารมีความชัดเจนมากขึ้น และตามรายละเอียดของบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ธนาคารธนชาต จะเป็นผู้โอนสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมดให้กับธนาคารทหารไทย จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.3 – 1.4 แสนล้านบาท โดยประมาณ 70% ของมูลค่ารายการดังกล่าว ทางธนาคารทหารไทย จะชำระโดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของทั้งธนาคารธนชาต และธนาคารทหารไทย

สำหรับธนาคารธนชาตเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และยังเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ส่วนธนาคารทหารไทย เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 และมีจุดเด่นในการให้บริการด้านธุรกรรมธนาคาร โดยธนาคารที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการ จะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมที่ประมาณ 10%-11% ในด้านสินทรัพย์และด้านเงินฝาก ซึ่งจะขยับขึ้นมาใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (A-/bbb/AAA(tha)/ แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ) นอกจากนี้การรวมกิจการน่าจะส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารทั้ง 2 แห่งมีจุดแข็งในกลุ่มตลาดที่แตกต่างกัน

หนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการเจรจารวมกิจการในครั้งนี้คือมาตรการจูงใจด้านภาษีของกระทรวงการคลังที่ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น และกระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารทหารไทยที่ 26% และคาดว่าจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ในระดับที่มีนัยสำคัญในธนาคารที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการ

อย่างไรก็ตามหากการรวมกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงก็ไม่น่าเสร็จสิ้นกระบวนการได้ จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2562 เนื่องจากรายละเอียดของการรวมกิจการยังคงต้องมีการเจรจาตกลงกันเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นของธนาคารภายหลังการรวมกิจการ อีกทั้งยังคงมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา ทั้งในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผลของการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ และการได้รับมติอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และจากผู้ถือหุ้น ดังนั้นแผนการรวมกิจการดังกล่าวจึงยังคงมีความไม่แน่นอนที่จะสำเร็จตามที่คาดไว้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ