ทหารไทย–ธนชาตเซ็นเอ็มโอยูควบรวมกิจการก้าวขึ้นสู่แบงก์อันดับ 6 เคาะมูลค่าเบื้องต้น 1.3–1.4 แสนล้านบาท ตั้งแท่นเปลี่ยนชื่อใหม่ เผยคลัง–ไอเอ็นจี–ทุนธนชาต ถือหุ้นใหญ่ไม่น้อยกว่า 20% ส่วนโนวาสโกเทียยอมลดสัดส่วนลง เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าววันนี้!!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ธนาคารทหารไทยได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding Memorandum of Under–standing) กับธนาคารธนชาต, ไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็น.วี (ING Groep N.V.), บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และ โนวาสโกเทียแบงก์ (The Bank of Nova Scotia) เพื่อกำหนดกรอบความเข้าใจและหลักการสำหรับการเจรจาร่วมกันต่อไปเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการรวมกิจการระหว่างธนาคาร ทหารไทยและธนาคารธนชาต นำไปสู่การร่วมดำเนินธุรกิจในขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีสินทรัพย์รวมราว 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน ก้าวสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ โดยจะมีการกำหนดชื่อทางการค้าใหม่ พิจารณาจากจุดแข็งเชิงพาณิชย์ของธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต และการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ หลังได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ธนาคารทั้ง 2 แห่ง มีจุดแข็งซึ่งส่งเสริมกัน กล่าวคือธนาคารทหารไทยมีจุดเด่นในการระดมเงินฝากด้วยกลยุทธ์นำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่แตกต่างจากการธนาคารแบบดั้งเดิม ขณะที่ธนาคารธนชาตเป็นผู้นำด้านสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์
สำหรับรูปแบบและโครงสร้างของธุรกรรมก่อนการรวมกิจการ ธนาคารธนชาตจะต้องปรับโครงสร้างทางธุรกิจ โดยจะมีการโอนบริษัทในเครือและบริษัทที่เกี่ยวข้องบางส่วน ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯให้แก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ ทุนธนชาต โนวาสโก–เทียแบงก์ และผู้ถือหุ้นรายย่อย
จากการประเมินพบว่า มูลค่าการโอนกิจการครั้งนี้จะรวมทั้งสิ้น ราว 130,000-140,000 ล้านบาท แต่อาจปรับมูลค่าในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากการทำการประเมินสินทรัพย์และหนี้สิน (Due Diligence) ทั้งนี้ ธนาคารทหารไทยแจ้งถึงการจัดหาเงินทุนว่า ธนาคารจะจัดหาเงินทุนโดยการออกตราสารหนี้และหุ้นเพิ่มทุน โดยจะออกหุ้นเพิ่มทุนราว 50,000-55,000 ล้านบาทขายให้แก่ทุนธนชาต และโนวาสโกเทีย ส่วนเงินทุนที่เหลืออีก 40,000-45,000 ล้านบาทนั้น จะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร รวมทั้งอาจออกหุ้นเพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน และ/หรือ บุคคลในวงจำกัดกับนักลงทุนรายใหม่หรือนักลงทุนรายเดิมด้วย
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ธนาคารทหารไทยจะเสนอขายให้แก่ทุนธนชาต, โนวาสโกเทียแบงก์จำนวน 50,000-55,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าธนาคาร ทหารไทยจะเสนอขายราคาหุ้นละ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีล่าสุด ของธนาคารทหารไทยภายหลังปรับปรุงมูลค่าจากการเพิ่มทุน อย่างไรก็ตาม ภายหลังควบรวมกิจการคาดว่า ไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็น.วี กระทรวงการคลัง และทุนธนชาต จะยังเป็นผู้ถือหุ้นหลักในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนโนวาสโก– เทียแบงก์ คาดว่าจะถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนการดำเนินการกับบุคลากรและพนักงานจะเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรมและไม่เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งนี้ คาดว่าการรวมกิจการน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 62 นี้ อย่างไรก็ตาม การรวมกิจการทั้งหมดนี้ยังไม่มีความแน่นอน โดยต้องเกิดขึ้นหลังทำตามเงื่อนไขบังคับอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว เช่น ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และการยินยอมจากบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการสนับสนุนการรวมกิจการธนาคารพาณิชย์ การจัดการเงินทุนที่เกี่ยวข้องในการรวมกิจการสำเร็จและผลการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) เป็นไปตามเงื่อนไข และทุนธนชาตยังคงสถานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะ Financial Holding Company โดยในวันที่ 27 ก.พ.นี้ จะมีการแถลงข่าวการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาตอย่างเป็นทางการด้วย.