ลูกค้าโอนเงินผ่านเน็ตทะลุ 90% รายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์ฮวบ

ลดครั้งแรกแต่กำไรยังโต 15%

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 ปี 2561 ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 57,000 ล้านบาท ขยายตัว 15.9% มาจากรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายกันสำรองที่ลดลงเป็นหลัก ขณะที่รายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมลดลงเป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้ โดยปรับตัวลดลง 11.2% จากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและโมบาย แบงกิ้ง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการโอนเงินทางอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้งสูงถึง 224 ล้านรายการ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561 หรือคิดเป็น 90% ของยอดการโอนเงินของลูกค้า ขณะที่อัตราการโอนเงินผ่านสาขามีเพียง 170,000 รายการ ถือว่าน้อยมาก “เทคโนโลยีได้ส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารพาณิชย์ แต่ในระยะยาวมองว่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนและการบริหารจัดการในระยะต่อไป”

สำหรับสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยขยายตัว 5.4% จาก 4.7% ในไตรมาสก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยกเว้นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่หดตัว 1.8% เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่ระดมทุนผ่านตราสารหนี้และหุ้นได้ดีกว่าการขอสินเชื่อ ซึ่ง ธปท.คาดว่าสินเชื่อในปีนี้ จะขยายตัว 4-6% ตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.93% ใกล้เคียงไตรมาสก่อนที่ 2.92% และหากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง คาดว่าต้นปี 2562 เอ็นพีแอลจะมีทิศทางดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามเอ็นพีแอลสินเชื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ยังเพิ่มขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยปรับขึ้น หลังหมดโปรโมชัน 3 ปี และยังพบว่าเอ็นพีแอลที่อยู่อาศัยระดับ 3-5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น

นางสาวดารณีกล่าวต่อว่า ต้นทุนดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งจะกระทบกับกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มที่มีหนี้ครัวเรือนสูง เนื่องจากมีหนี้ในระดับสูง หรือมีหนี้ในหลายประเภท ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะค่อยๆปรับขึ้นดอกเบี้ย.