
“อภิศักดิ์” แบ่งรับแบ่งสู้ควบรวมกรุงไทย–ทหารไทย ชี้รัฐแค่ออกมาตรการอำนวยความสะดวก ขณะที่ “ทหารไทย” เตรียม เสนอบอร์ดสัปดาห์หน้าเปิดหา “พันธมิตร” ใหม่ แต่ต้องให้ไอเอ็นจีแบงก์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับคลังเห็นด้วย ขณะที่ วงการแบงก์มอง ควบรวมสองแบงก์นี้เกิดยาก โดยเฉพาะการตั้งราคาซื้อขายหุ้น เหตุไอเอ็นจีสนใจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนเดียว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ส่งเสริมการควบรวมกิจการของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย และก่อให้เกิดกระแสข่าวว่าธนาคารทหารไทยและธนาคารกรุงไทยจะควบรวมกิจการกันว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้บังคับให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐควบรวมกิจการ แต่เป็นมาตรการที่เอื้ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนหากจะเกิดการควบรวมกิจการกันของธนาคารพาณิชย์ไทย
“ล่าสุด มีคนถามว่า จะบังคับให้ธนาคารกรุงไทยกับธนาคารทหารไทยควบรวมกันหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ออกมาตรการเพื่อธนาคารทั้ง 2 แห่ง แต่เป็นนโยบายในภาพรวมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น ส่วนจะมีการ ควบรวมกันหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารของธนาคารที่ต้องปรึกษากันเองว่า รวมกันแล้วจะได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบอย่างไร ทั้งนี้ การที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่มีการควบรวมกัน อาจเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ยังอยู่ในจุดที่ตัวเองปลอดภัยหรือสบายใจ ซึ่งถ้าสังเกต การควบรวมของธนาคารในประเทศไทยจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีวิกฤติเศรษฐกิจทุกครั้ง”
ขณะที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) สัปดาห์หน้า ตนจะ รายงานมติ ครม.ให้รับทราบว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการควบรวมกิจการธนาคารเพื่อเพิ่มสินทรัพย์ ของธนาคารให้มีขนาดใหญ่และแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ส่วนที่ประชุมบอร์ดจะมีมติให้ศึกษาหรือดำเนินการเรื่อง การหาพันธมิตรเพื่อควบรวมกิจการหรือไม่ ยังไม่ทราบจนกว่าที่ประชุมบอร์ดจะมีข้อยุติที่ชัดเจน
“เท่าที่ทราบไม่ใช่แค่มีธนาคารทหารไทยเท่านั้นที่สนใจเรื่องการควบรวมกิจการ แต่ยังมีธนาคารพาณิชย์อื่นๆอีกหลายแห่งที่ต้องการควบรวม กิจการเพื่อเพิ่มขนาดของสินทรัพย์และรองรับการแข่งขันในอนาคต กระทรวงการคลังจึงมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมและอัตราภาษี เพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ ส่วนธนาคารทหารไทยจะควบรวม กับธนาคารกรุงไทยหรือไม่ ก็ต้องหารือกับธนาคารไอเอ็นจี ในฐานะผู้ถือหุ้นด้วย อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ควบรวม กิจการได้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2565 หรือมีระยะเวลาถึง 5 ปี”
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิเป็น 2,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนหน้า หลังจากได้มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเป็น 2,305 ล้าน บาท หรือเพิ่มขึ้น 3% โดยในไตรมาสนี้ธนาคารสามารถ ขยายฐานเงินฝากเพิ่มได้ 2% มาอยู่ที่ 623,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน สินเชื่อคุณภาพเติบโต 0.4% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 628,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวงการแบงก์เพิ่มเติมว่า การควบรวมระหว่างธนาคารกรุงไทยกับทหารไทยในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปได้ยาก เพราะธนาคาร ทหารไทยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ กระทรวงการคลัง ถือหุ้น 25.92% และธนาคารไอเอ็นจี 25.02% และ ที่ผ่านมาไอเอ็นจีแบงก์พยายามขอซื้อหุ้นธนาคาร ทหารไทยในสัดส่วนของกระทรวงการคลังหลายรอบเนื่องจากต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่คลังตั้งราคาขายสูงกว่าราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มาก ทำให้ตกลงกันไม่ได้
ทั้งนี้ หากจะมีการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกรุงไทยกับทหารไทยจริง ตามขั้นตอนต้องคิดคำนวณราคาหุ้นของแต่ละธนาคาร หากกระทรวงการคลังคิดราคาหุ้นกรุงไทยสูง และหุ้น ทหารไทยต่ำ ธนาคารไอเอ็นจีในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จะไม่ยอมให้เกิดควบรวมกิจการ หรือหากไอเอ็นจี แบงก์ ตั้งราคาทหารไทยสูง กระทรวงการคลังจะยอมได้หรือไม่ ขณะที่หากพิจารณาฐานะในปัจจุบันธนาคารทั้ง 2 แห่ง ต่างมีฐานะการเงินที่ดี และผลประกอบการมีกำไร.