กรุงไทยเอาใจคนชอบเที่ยวให้แลกเงินผ่านแอปฯ ด้วย Krungthai Travel Card

ธนาคารกรุงไทย เปิดตัว Krungthai Travel Card แบบเป็นทางการ 5 เม.ย.นี้ บัตรแรกและบัตรเดียวที่ให้ผู้ถือ แลกเงินเก็บไว้ถึง 7 สกุล ในอัตราแลกเปลี่ยนที่พิเศษกว่าในตลาด เหมาะกับการเดินทาง...
 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารได้นำเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้ในการออกผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในรูปแบบสมาร์ทคอนเซ็ปต์ โดยธนาคารได้ออกบัตร Krungthai Travel Card บัตรแรกและบัตรเดียว ที่ลูกค้าแลกเงินตราต่างประเทศด้วยตนเองเก็บไว้ ในอัตราที่พิเศษกว่าในท้องตลาดได้ถึง 7 สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เงินเยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์สิงคโปร์ โดยแลกเพิ่มได้ตลอดเวลา หากเงินที่แลกไปไม่เพียงพอ อีกทั้งยังใช้รูดซื้อสินค้าและบริการ ณ ร้านค้าที่มีเครื่องหมาย VISA ทั่วโลก ใช้ถอนเงินสดได้ที่เครื่อง ATM ทั่วโลก รวมทั้งสามารถเปิด-ปิด การใช้งานของบัตรได้ด้วยตัวเองผ่าน KTB netbank  

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวด้วยว่า ธนาคารจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนนี้ พร้อมโปรโมชั่นยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตร การสอบถามยอดเงินคงเหลือในบัตรที่เครื่อง ATM ต่างประเทศ การเบิกถอนเงินสดที่เครื่อง ATM ต่างประเทศ การชำระเงินที่เครื่อง EDC รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศเป็นเงินบาท จนถึง 15 พฤษภาคมนี้ โดยลูกค้าที่มีบัญชีออมทรัพย์ สมัครทำบัตรได้ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น KTB netbank  เพื่อเปิดใช้บริการ ส่วนลูกค้าใหม่เพียงเปิดบัญชีออมทรัพย์ก่อน และสมัครบริการ  KTB netbank 

นายผยง กล่าวอีกว่า บัตร Krungthai Travel Card สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศปีละประมาณ 7 ล้านคน และตอบสนองนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาลในการส่งเสริมให้เกิดสังคมไร้เงินสดที่ไม่จำกัดเฉพาะในประเทศ แต่ขยายไปยังต่างประเทศอีกด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักธุรกิจ นักศึกษา นักท่องเที่ยว บริษัททัวร์ และพนักงานสายการบิน ซึ่งธนาคารตั้งเป้าออกบัตรประมาณ 2 แสนบัตร

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวด้วยว่า ธนาคารได้ยกเลิกการกำหนดเวลาไม่คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขต หรือโอนต่างธนาคาร จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ บริการเติมเงิน ผ่าน KTB netbank ทั้งนี้เพื่อร่วมผลักดันประเทศสู่สังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง.