4 เดือนแรก 7.3 แสนล้าน! “คลัง” คุยลั่นทุ่งจัดเก็บรายได้พุ่งทะลัก

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

4 เดือนแรก 7.3 แสนล้าน! “คลัง” คุยลั่นทุ่งจัดเก็บรายได้พุ่งทะลัก

Date Time: 27 ก.พ. 2561 09:01 น.

Summary

  • “คลัง”คุยลั่นทุ่ง แจงผลจัดเก็บรายได้4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 แตะ 7.3 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 28,381 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับสู่ภาวะปกติและดีขึ้น

Latest

ซื้อกองทุน Thai ESG ประหยัดภาษีได้สูงสุดเท่าไร

“คลัง”คุยลั่นทุ่ง แจงผลจัดเก็บรายได้4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 แตะ 7.3 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 28,381 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับสู่ภาวะปกติและดีขึ้น สอดคล้องกับสภาพของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้นตลอดปีงบประมาณ 2561

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.2560-ม.ค.2561) จัดเก็บรายได้ 738,345 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 28,381 ล้านบาท หรือ 4% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ที่สูงกว่าประมาณการ 12,994 ล้านบาท, การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นๆ สูงกว่าประมาณการ 12,747 ล้านบาท, กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าประมาณการ 1,251 ล้านบาท

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงเวลาที่เหลือของปี งบประมาณ 2561 ก็คาดว่าการจัดเก็บรายได้จะยังเป็นไปได้ดีต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ประจำเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านอุปสงค์ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 62 เดือน ล่าสุด มูลค่าการส่งออกสินค้าเดือน ม.ค. ขยายตัว 17.6% มีมูลค่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

“กรณีดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น โดยหมวดสินค้าสำคัญๆที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรกรรมและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ประเทศคู่ค้าของไทยก็มีภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดจีน จีน และสหรัฐฯ ดังนั้น สศค.จึงคาดว่าตลอดทั้งปีนี้การส่งออกจะมีการขยายตัว 6.6% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 8%”

ขณะเดียวกัน การบริโภคของภาคเอกชน ก็ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ณ ราคาคงที่เดือน ม.ค. ที่ขยาย 6.9% ถือว่าเป็นการขยายตัวได้ดี จากการจัดเก็บแวต จากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศและแวตจากการนำเข้าสินค้า ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง เดือน ม.ค.ก็ขยายตัวต่อเนื่อง ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 นับตั้งแต่ต้นปี 2560 และขยายตัวสูงถึง 27% เป็นผลจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่ออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ของค่ายรถยนต์ต่างๆ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาก็อยู่ที่ระดับ 67.0 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2558

นายพรชัยกล่าวว่า ในประเด็นการลงทุนภาคเอกชน ก็พบว่ามีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2560 ทั้งจากการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวดก่อสร้างที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์เดือน ม.ค. ขยายตัวต่อเนื่องที่ 10.2% จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างก็สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศที่ขยายตัวที่ 1%

นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ก็มีการขยายตัวระดับสูง โดยเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาขยายตัว 10.9% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจากประเทศจีน รัสเซีย เกาหลีใต้ ลาว อินเดีย ยุโรปตะวันออก เป็นหลัก ส่งผลให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 189,000 ล้านบาท รวมทั้งดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรก็สามารถขยายตัวต่อเนื่องที่เฉลี่ย 13% ซึ่งเป็นผลจากหมวดพืชผลสำคัญๆ หมวดปศุสัตว์ และหมวดประมง ที่ขยายตัวได้ดี.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ