เปิดผลสำรวจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปใช้ชีวิตติดหรู จนรายได้ไม่พอรายจ่าย ส่งผล “แอลเอชแบงก์” ประกาศยกธงขาวเลิกปล่อยสินเชื่อบ้านตลาดล่างราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท พบรายได้ไม่พอผ่อนค่างวด จนกลายเป็นหนี้เอ็นพีแอล ต่อจากนี้เน้นจับตลาดกลุ่มกลาง–สูง รักษาสินเชื่อรวมไว้ที่ 27,000 ล้านบาท
นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มพัฒนาสินเชื่อและบริหารความเสี่ยงกลยุทธ์ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือแอลเอชแบงก์ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ธุรกิจในปีนี้ ธนาคารจะเลิกปล่อยสินเชื่อบ้านราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท แม้ว่าลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 70% ของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากธนาคารได้วิเคราะห์จากสถิติย้อนหลัง 5 ปี พบว่า เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สูง ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องถอยออกจากตลาดในกลุ่มนี้ โดยจากนี้เน้นปล่อยสินเชื่อบ้านระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ที่มีกำลังผ่อนชำระสูงกว่า
ทั้งนี้ จากการเก็บสถิติการปล่อยสินเชื่อบ้าน 5 ปีย้อนหลัง พบว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้รายได้ของลูกค้ากลุ่มมนุษย์เงินเดือนในแต่ละปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อย ขณะที่ผลตอบแทนจากโบนัสลดลง โดยเบ็ดเสร็จรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 5% ถึงในข้อเท็จจริงเทียบกับอัตราเงินเฟ้อแล้วน่าจะเพียงพอต่อการผ่อนค่างวดบ้าน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป กินกาแฟสตาร์บัคแก้วละ 100 กว่าบาท จ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการอินเตอร์เน็ตอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
“คนรุ่นใหม่เมื่อจบการศึกษาอายุ 22-23 ปี เริ่มเข้าทำงานก็ต้องการซื้อบ้าน ตอนนี้หากซื้อง่ายไม่ต้องใช้เงินดาวน์แบงก์แข่งกันปล่อยกู้ 100-120% ของราคาบ้าน เมื่อซื้อบ้านผ่อนชำระมา 3 ปี ก็ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ออกจากงานไปทำเอง บางส่วนไปไม่รอดตกงาน ก็มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลายเป็นหนี้เอ็นพีแอล ธนาคารก็ต้องเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้”
นางสุธารทิพย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อบ้านอยู่ 27,000 ล้านบาท เป็นหนี้เอ็นพีแอล 2.1% และเอ็นพีแอลส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท หรือในแต่ละปีจะมีหนี้เอ็นพีแอลที่เกิดจากสินเชื่อบ้าน 300 ล้านบาท ส่วนเอ็นพีแอลที่ถูกยึดและขายทอดตลาดมีน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วลูกค้าจะขายบ้านแล้วนำเงินมาปิดบัญชี โดยเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อบ้านในปีนี้ จะรักษาระดับยอดสินเชื่อรวมไว้ที่ระดับ 27,000 ล้านบาท และเอ็นพีแอลไว้ที่ 2.1-2.2 % โดยปัจจุบันในแต่ละเดือนมีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อบ้าน 700 ราย มีการอนุมัติ 350 ราย และเซ็นสัญญาปล่อยสินเชื่อ 150-170 ราย เพราะปัจจุบันตลาดสินเชื่อบ้านมีการแข่งขันที่สูงมาก ลูกค้ายื่นขอกู้เงินหลายธนาคาร และได้รับอนุมัติพร้อมกัน ลูกค้าสามารถเลือกธนาคารต้องการกู้เงินได้
ด้านนางศศิธร พงศธร ฉัตรศิริวิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 10-15 % คิดเป็นเม็ดเงินปล่อยใหม่ 20,000-30,000 ล้านบาท โดยมาจากการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าไต้หวัน 10,000 ล้านบาท โดยอาศัยพันธมิตรธนาคารซีทีบีซี ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนอันดับ 1 ในไต้หวัน และเป็นผู้ถือหุ้นในแอลเอชแบงก์ ช่วยดึงลูกค้าไต้หวันที่มาลงทุนในไทย ที่ปัจจุบันมีอยู่ 2,000-3,000 ราย มาใช้บริการสินเชื่อของธนาคาร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะลงทุนธุรกิจปิโตรเคมี และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อรัฐบาลส่งเสริมโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) กลุ่มนักลงทุนไต้หวันจะขยายการลงทุนไปยังอีอีซี ธนาคารก็จะได้รับประโยชน์จากการปล่อยสินเชื่อด้วย.