นายสุพจน์ สุขขะเสริมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อเคหะ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากโครงการรถยนต์คันแรกจบลง เห็นได้จากข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ภาระหนี้ของประชาชนเริ่มดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำให้ยอดการอนุมัติสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นไปด้วย “ยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านของธนาคารผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ธนาคารเคยปฏิเสธสินเชื่อบ้านมากกว่า 50% ของคำขอสินเชื่อ ปัจจุบันดีขึ้นโดยยอดปฏิเสธอยู่ที่ 40-50% และจากนี้จนถึงสิ้นปีเชื่อว่ายอดปฏิเสธน่าจะดีขึ้น และปีหน้าก็จะดีขึ้นไปอีก โดยยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านในภาวะปกติจะอยู่ที่ 20-30%”
ทั้งนี้ แนวโน้มสินเชื่อบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ชะลอการทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก เริ่มกลับเข้ามาทำตลาดเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ส่วนธนาคารขนาดกลางต้องการเพิ่มพอร์ตสินเชื่อ จึงได้ใช้กลยุทธ์เงินกู้ที่ต่ำหรือเสนอดอกเบี้ยพิเศษเพื่อรับรีไฟแนนซ์ 2.99% ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามโครงการที่เปิดใหม่ 80% มาจากบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ ที่มีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการเงินที่ต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กๆยังเหนื่อยต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยได้เร็วและช่วงลดภาระในช่วงนี้ ธนาคารจึงออกแคมเปญ ผ่อนล้านละ 4,500 บาทต่อเดือน ในระยะเวลา 2 ปีแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี หรือเอ็มแอลอาร์ สามารถเลือกซื้อบ้านใหม่ หรือรีไฟแนนซ์จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2560.