1 ก.ย. ลดวงเงิน คุมรูดปรื้ด-กู้ส่วนบุคคล-หั่นดอกบัตรเครดิตเหลือ 18%

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

1 ก.ย. ลดวงเงิน คุมรูดปรื้ด-กู้ส่วนบุคคล-หั่นดอกบัตรเครดิตเหลือ 18%

Date Time: 26 ก.ค. 2560 14:05 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Summary

  • แบงก์ชาติ เผยเกณฑ์ใหม่สินเชื่อบัตรเครดิต-ส่วนบุคคล ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ ย้ำรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่น ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ พร้อมหั่นเพดานดอกเบี้ยเฉพาะบัตรเครดิตเหลือ 18% จากเดิม 20%...

Latest


แบงก์ชาติ เผยเกณฑ์ใหม่สินเชื่อบัตรเครดิต-ส่วนบุคคล ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ ย้ำรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่น ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ พร้อมหั่นเพดานดอกเบี้ยเฉพาะบัตรเครดิตเหลือ 18% จากเดิม 20%...

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ได้กำหนดการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะมีผลบังคับใช้กับผู้ขอมีบัตรเครดิต หรือผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่ พร้อมทั้งประกาศปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต โดยมีผลบังคับใช้กับผู้มีบัตรเครดิตทั้งรายเดิมและรายใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ 1 ก.ย. 60 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นอีกแนวทางจะช่วยดูแลการก่อหนี้สินของภาคครัวเรือนให้เหมาะสมขึ้น เนื่องจากประชาชนเข้าถึงสินเชื่อประเภทนี้ได้ง่ายและเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน อาจส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มที่มีความเปราะบางก่อหนี้ จนเกินความสามารถชำระหนี้ของตนได้

สำหรับมาตรการสินเชื่อบัตรเครดิต ได้กำหนดวงเงินแก่ผู้ขอมีบัตรให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือน โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ รายได้ตั้งแต่ 30,000-50,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่า และรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป วงเงินไม่เกิน 5 เท่า นอกจากนี้ได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ 18% จาก 20% ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบันที่ต้นทุนทางการเงินต่ำลง

ส่วนมาตรการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ได้ปรับวงเงินสินเชื่อแก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ และได้รับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 3 ราย สำหรับผู้มีรายได้ต่อเดือนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 เท่า แต่ไม่จำกัดจำนวนผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่จะให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคแต่ละราย โดยยังคงเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจะเรียกเก็บได้ เพื่อให้สามารถให้บริการสินเชื่อแก่ผู้บริโภคต่างๆ ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภคได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ต้องให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคในกรณีที่ไม่ต้องการให้ติดต่อเพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ โดยต้องมีกระบวนการและดูแลให้เป็นไปตามความประสงค์ของลูกค้า รวมถึงในกรณีที่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินที่ผิดพลาดของบัตรเครดิต ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตต้องให้สิทธิทางเลือกแก่ผู้ถือบัตรเครดิตที่จะขอรับเงินคืนผ่านช่องทางอื่น นอกเหนือจากการคืนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิตด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ