ครึ่งวันเช้าหุ้นไทยปิดตลาดปรับขึ้น 5.42 จุด ดัชนีแตะ 1,580 จุด

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ครึ่งวันเช้าหุ้นไทยปิดตลาดปรับขึ้น 5.42 จุด ดัชนีแตะ 1,580 จุด

Date Time: 3 เม.ย. 2560 12:55 น.

Video

วิเคราะห์อนาคต Google เจ้าแห่งเสิร์ชเอนจิน จะอยู่ยังไง ถ้าไม่ได้ผูกขาด | Digital Frontiers

Summary

  • ปิดตลาดครึ่งวันเช้า หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.42 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,580.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,782.56 ล้านบาท โบรกฯ ประเมินสัปดาห์นี้ดัชนีเคลื่อนไหวแบบ sideway ให้กรอบที่ 1,550-1,596 จุด

Latest


ปิดตลาดครึ่งวันเช้า หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.42 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,580.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,782.56 ล้านบาท โบรกฯ ประเมินสัปดาห์นี้ดัชนีเคลื่อนไหวแบบ sideway ให้กรอบที่ 1,550-1,596 จุด

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันที่ 3 เม.ย.60 พบว่า หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.42 จุด เปลี่ยนแปลง +0.34% ดัชนีอยู่ที่ 1,580.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,782.56 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 4.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และ 5.บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน)


โบรกฯ ประเมินสัปดาห์นี้ดัชนีเคลื่อนไหวแบบ sideway ให้กรอบที่ 1,550-1,596 จุด

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) กล่าวว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (3-7 เม.ย.) ได้ผ่านช่วงของการปิดงบการเงินไตรมาส 1 ของปีนี้ไปแล้ว ตามสถิติค่าเฉลี่ยของ SET Index 5 วันแรกหลังปิดงบจะมีลักษณะ Sideway มากกว่า ก่อนที่จะมีทิศทางที่ชัดเจนหลังจากนี้

ส่วนปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะการเมืองของสหรัฐฯ ที่มีปัญหาในเรื่องการออกกฎหมายและนโยบายเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาด ด้านการเมืองของยุโรปเลือกตั้งฝรั่งเศส กับเรื่อง Brexit ตลาดยังมีความกังวลอยู่บ้าง เป็นแรงกดดันให้นักลงทุนยังหันความสนใจเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกระลอกหนึ่ง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ และเงินเยน เป็นต้น

ทั้งนี้ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ถูกคาดว่าอัตราเร่งจะไม่สูงมาก โอกาสหรือความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน พ.ค. ยังอยู่ที่ 13% มากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ข้อดีคือ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาด Emerging Market และเป็นที่น่าสังเกตว่าตัวเลข Net Position ของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียในวันศุกร์ที่ผ่านมา ชะลอการซื้อลง เมื่อเทียบกับวันอื่นๆ ของสัปดาห์ที่ผ่านมา (27-31 มี.ค.)

ส่วนปัจจัยในประเทศมีน้ำหนักในทางบวกมากขึ้น จากภาพที่ชัดเจนขึ้นในการลงทุนและงานภาครัฐฯ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวดีในมุมมองของ ธปท. และ สศค. ที่เห็นว่าการเติบโตในฝั่งของภาคเอกชนและภาคการค้าต่างประเทศดีกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ การที่ ธปท.ลดออกบอนด์ระยะสั้น สกัดเก็งกำไรทำเงินบาทแข็ง (ล่าสุด 34.33 บาท/ดอลลาร์) อาจชะลอการซื้อของนักเก็งกำไรลงไปบ้าง แต่คาดไม่กระทบตลาดหุ้นมากนัก

"เรายังคงการคาดการณ์ว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยหลายตัวไปแล้ว และจะมีความนิ่งมากขึ้น ทิศทางจะเป็น sideway ปริมาณการซื้อขายจะเริ่มเบาบางลงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์ถัดไป โดยแรงขายทำกำไร น่าจะมีให้เห็นเป็นระยะๆ และมีการเข้ามาเก็งผลประกอบการไตรมาส 1 เป็นรายตัว มองว่าดัชนีในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550-1,596 จุด"

สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามได้แก่ 1.สถานการณ์ของต่างประเทศ ได้แก่ ตัวเลข PMI-ISM ของหลายๆ ประเทศ การดีเบตครั้งที่สองของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส (4 เม.ย.) รายงานประชุม FOMC (5 เม.ย.) และการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หารือกับนายกฯ ของจีน (6-7 เม.ย.) รวมถึงรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (7 เม.ย.) อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยการเข้ามาเก็งกำไรของผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทที่เริ่มมีการให้ทำพรีวิว (Preview) ขณะเดียวกันประเมินว่าเงินลงทุนยังน่าจะยังมีต่อ แต่หากพลิกเป็นขาย ควรลดพอร์ตหุ้นที่ขึ้นมาแรงในช่วงนี้ (ที่ฝรั่งซื้อ) ลงตามไปด้วย ปัจจัยสุดท้ายคือ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ขึ้นมาแตะ $50 เหรียญ เป็นบวกต่อตลาด และทำให้ตัวเลข stock น้ำมันของผู้ประกอบการดีขึ้น.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ