เดิมที ตั้งใจจะนำเสนอเรื่อง Gold Futures ในสัปดาห์นี้แต่ดูจะมีเรื่องอื่นที่สนุกๆเข้ามา และเพื่อให้ทันเหตุการณ์ เลยต้องขอพักเรื่องGold Futures ไปก่อน ประเด็นที่ผมอยากนำเสนอคงเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของราคาทองคำครับ ช่วงนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของค่าเงินยูโร และค่าเงิน US ดอลลาร์สหรัฐ
ย้อนอดีตกันสักนิดหน่อยก่อนครับ ทองคำเคยมีความสำคัญต่อระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน ระบบการเงินโลกสมัยแรกๆ มีการผูกอัตราแลกเปลี่ยนเงินแต่ละสกุลไว้กับทองคำ ที่เรียกว่า Gold Standdard ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ถูกใช้เป็นเงินทุนสำรองทั่วโลกเคยตีมูลค่าตายตัวไว้ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อทองคำ 1 ออนซ์ ก่อนจะถูกยกเลิกไปเพราะเมื่อมีการเพิ่มปริมาณดอลลาร์เข้ามาในระบบการเงินโลกจำนวนมากก็ไม่มีทางที่จะกดราคาทองคำ ไว้ที่เดิมได้อีกต่อไป ระบบการเงินสมัยใหม่นำโดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้กำหนดกฏเกณฑ์ เริ่มก่อเงินเฟ้อขึ้นเรื่อยๆเพื่อดันระบบเศรษฐกิจให้โต จนล่าสุด นวัตกรรมทางการเงินที่คิดค้นจนซับซ้อนสามารถทำให้เงินก้อนเล็กๆ กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ หนีเน่า กลายเป็นหนี้ดีจนเป็นที่มาของวิกฤติซัพไพรม์ ลามไปทั่วโลกจนเดี๋ยวนี้ ยังหาจุดจบไม่เจอ
การยกเลิกทองคำเป็นทุนสำรอง ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารระบบการเงินมากขึ้นแต่สิ่งสำคัญที่ห้ามละเลยคือการกำกับดูแลด้วยกฏเกณฑ์ที่ดีครับ ช่วงหลัง สหรัฐผ่อนคลายกฏเกณฑ์จนกลายเป็นการละเลยอาจจะด้วยระบบการเมืองที่มีกลุ่มผลประโยชน์แอบแฝงอยู่หรืออย่างไรก็แล้วแต่ทำให้ระบบการเงินโลกวันนี้มีปัญหา และที่หนักสุดเวลานี้คงเป็นยุโรปกับสหรัฐอเมริกานี่แหละครับ ประเทศต่างๆทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงปัญหา เริ่มมองหาเงินสกุลใหม่ที่มีเสถียรภาพนำมาเป็นทุนสำรองแทนดอลล่าร์ ซึ่งมีการถ่วงดุลด้วยค่าเงินสกุลหลักหลายสกุลในโลกรวมถึงทองคำ
เล่ามาตั้งนาน เพราะอยากจะโยงกับข่าว 2 ข่าวเกิดขึ้นในช่วงนี้คือข่าวการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน ในวันนี้ (15 กุมภาพันธ์) เกี่ยวกับแนวทางเข้าช่วยเหลือกรีซ กับอีกข่าวคือการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐสมาชิกสภาล่างสหรัฐ เพิ่งจะลงมติเพิ่มเพดานหนี้ให้ขึ้นไปที่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเพดานที่ประวัติการณ์เพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถกู้ยืมเงินได้อีก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้โอบามา เอาไปกู้วิกฤติ กระตุ้นเศรษฐกิจต่อ
เงินยูโร กำลังเผชิญกับปัญหาหนักจากการรวมตัวกันเพื่อสร้างเงินสกุลเดียวในยุโรป หากแนวทางการแก้ปัญหากรีซที่ออกมาไม่ชัดเจนเป็นรูปธรรมอาจสั่นคลอนสถานะการรวมตัวที่ไม่แน่นหนานักในกลุ่มประเทศสมาชิกที่ใช้เงินยูโรได้ด้วยความแตกต่างในสถานะการเงิน ความแข็งแกร่งของแต่ละประเทศ และนอกจากกรีซก็ยังมีประเทศอื่นในกลุ่มที่ง่อนแง่นจ่อคิวสร้างปัญหาอยู่เช่นกัน
ส่วนดอลลาร์สหรัฐ จริงๆสภาพก็ไม่ต่างกันกับยูโรปเลย บางรัฐในสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาถังแตกไม่แพ้กัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานของตัวเองอยู่ครับสาเหตุเพียงเพราะข่าวที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา ดูแย่น้อยกว่ายูโรปเท่านั้นเองแต่การเปิดเพดานการก่อหนี้เพิ่มล่าสุดนี่คงจะนำไปสู่การอ่อนค่าลงต่อของดอลลาร์ค่อนข้างแน่นอนระบบการเงินโลกยังมีปัญหาแบบนี้ ทำให้ทองคำกลับมามีบทบาทครับ เพราะทองคำก็เปรียบเสมือนเงินอีกสกุล ที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในยามนี้
ราคาทองคำที่ลงมาในช่วงนี้ สาเหตุหลัก มองกันว่าเพราะดอลล่าร์กำลังแข็งค่านี่แหละครับ แต่การแข็งค่าแบบไร้ปัจจัยหนุนแบบนี้เชื่อได้เลยครับว่า ไม่นานก็ต้องพับฐานลงมา ดอลลาร์ที่มีอยู่ในระบบทุนสำรองโลกโดยเฉพาะจีน ที่ถือไว้มากกว่าครึ่งของทุนสำรองของตนกำลังจะถูกผ่องถ่ายออกไปเป็นสินทรัพย์อย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรวมถึงการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลก รวมถึงทองคำ
หากใครติดตามมาตั้งแต่บทความแรก ที่ผมพูดถึงกองทุนใหญ่อย่าง SPDR Gold Shares ที่ผมบอกว่า ให้จ้องขาใหญ่รายนี้ให้ดีๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุน Sovereign Wealth Fund ของจีน ได้เข้าไปซื้อหุ้น SPDR 1.45 ล้านหุ้น เป็นเงินราว 155.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มากไม่น้อย แต่มีนัยสำคัญแน่นอนครับเหลือแต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ยังไม่เห็นปริมาณทองคำของ SPDR ขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย แต่จีนเริ่มขยับเข้าซื้อแบบนี้เดี๋ยวก็น่าจะได้เห็น SPDR เริ่มเก็บของเช่นกันครับ
ปิดท้ายด้วย ราคาทองคำที่ปิดสัปดาห์ไปที่ราคา 1,093 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปิดบวกได้เป็นครั้งแรก หลังจากร่วงลงตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ผมทิ้งท้ายไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าหากผ่านได้ มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับทิศเป็นขาขึ้น (อย่างน้อยก็ชั่วคราว) งานนี้ถึงยังไม่ผ่าน แต่ก็เริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์กันแล้ว