หุ้นไทยร่วง 46 จุด จากต้นปี โบรกฯ เชื่อไม่แย่กว่านี้ หวัง “กองทุน-ต่างชาติ” ช่วยซื้อ ชี้หุ้นไม่แพง

นับตั้งแต่เปิดปี 2568 มานี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างหนักหลังเผชิญปัจจัยกดดันต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นนักลงทุน แนวโน้มเศรษฐกิจโลก และทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index ณ เวลา 14:37 อยู่ที่ 1,353.80 จุด ลดลง 46.41 จุด หรือ -3.31% จากต้นปี โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างแนะจับตาการเข้าทำเนียบของ “โดนัลด์ ทรัมป์” 20 มกราคมนี้ หากนโยบายไม่รุนแรง คาดหนุนตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ ส่วนในเชิง Valuation ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพง เชื่อว่ามีโอกาสเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้

เบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า Sentiment ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นลบอ่อนๆ จากถูกปรับลดอัตราผลตอบแทนต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยต่างๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ตลาดกำลังจับตาการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร ส่วนตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมานั้น มองว่ามีผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก

ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ มองว่ามาจาก 1.แนวโน้มของกำไรของบริษัทจดทะเบียน หากมีโมเมนตัมที่ดี ก็อาจเห็นการปรับประมาณการขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/67 และ 2.หากนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่รุนแรงและออกมาในเชิงบวก คาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้

นอกจากนี้ พบว่าปัจจุบันหุ้นไทยมีภาวะขายมากเกินไป (Oversold) บ้าง จากราคาดัชนีลดลงหลุด -1 SD อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าดัชนีไม่น่าจะหลุดไปต่ำกว่า 1,300 จุด แนะโซนซื้อที่ระดับ 1,320-1,340 จุด ในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT, MINT กลุ่มธนาคาร เช่น KBANK, SCB กลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP, BCP เชื่อว่าเป็นหุ้นที่ยังสามารถเลือกลงทุนได้

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ลุ้นหุ้นไทยผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว โดยตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวมาได้ค่อนข้างดี รับแรงซื้อจากสถาบันส่วนหนึ่ง เชื่อว่านักลงทุนสถาบันบางส่วนเริ่มมองถึง Valuation ที่ไม่แพงของหุ้นไทย เมื่อประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นไทย

และหากการแถลงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้รุนแรงจนเกินไป ตลาดหุ้นไทยคงค่อยๆ ฟื้นตัวได้ และมีหวังที่กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) จะไหลกลับมาซื้อสุทธิบ้าง โดยวันนี้ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,345–1,365 จุด

เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะสะสมได้เช่นเดิม ณ โซนนี้ของ SET ด้วย Valuation ไม่แพง เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT) ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) การเงิน (MTC, SAWAD) ศูนย์การค้า (CPN) แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นกลุ่มธนาคารอาจมีแรงกดดันเล็กน้อย ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ปัจจัยหนุนน้ำมันปรับขึ้น

ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า เราได้ให้มุมมองมาระยะหนึ่งแล้วว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้แพง โดยเราเห็นหุ้นถึง 40 บริษัทใน SET100 มีราคาหุ้นไม่เกินมูลค่าทางบัญชี (Book Value) แยกเป็น 34 หุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทั้งที่ส่วนใหญ่สามารถทำกำไรจากการดำเนินการได้

นอกจากนี้ในส่วนของค่า P/E ตัวเลขที่ระดับสูงเกือบ 20 เท่า น่าจะถือเป็นความแพงทางเทคนิค เนื่องจากใช้กำไรต่อหุ้น (EPS) ย้อนหลัง 4 ไตรมาสมาคำนวณ ซึ่งเราพบว่าในงวดไตรมาส 4/66 และไตรมาส 3/67 มีเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนมีฐานกำไรต่ำกว่าปกติมาก หลังจากประกาศงบไตรมาส 4/67 ที่มีฐานกำไรสูงขึ้น ก็น่าจะเห็น P/E ต่ำลง

นอกจากนี้ หากมองในมุมของส่วนต่างผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงและไม่เสี่ยง หรือ Market Earning Yield Gap ก็พบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่สูงช่วง 4.5–4.8% สิ่งที่เรายังขาดอยู่คงเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ไม่มีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามหากเริ่มเห็นสัญญาณในการดีดตัวกลับของดัชนีตลาดหุ้นไทยก็อาจทำให้เกิดภาวะการอุ่นใจมากขึ้น

เชิง Valuation ถือได้ว่าตลาดหุ้นไทยไม่แพง เพียงต่อรอ Sentiment เชิงบวกเข้ามาหนุน ซึ่งการรีบาวด์วานนี้ก็ถือเป็นสัญญาณดี กรอบวันนี้ 1,345–1,365 จุด TOP PICK เลือก COM7, CPN และ TOP

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney