เปิดเทรนด์ 7 ตลาดหุ้นปี 2568 “จิตตะ เวลธ์” ชี้ จีนเด่นสุด หุ้นดีราคาถูกเพียบ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิดเทรนด์ 7 ตลาดหุ้นปี 2568 “จิตตะ เวลธ์” ชี้ จีนเด่นสุด หุ้นดีราคาถูกเพียบ

Date Time: 11 ธ.ค. 2567 14:56 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • “จิตตะ เวลธ์” เปิดทิศทาง 7 ตลาดหุ้นโลกปี 2568 ชี้จีนเด่นสุด พร้อมส่ง AI ช่วยนักลงทุนจัดพอร์ต หา “ตลาดหุ้นดีราคาถูก”

Latest


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทาง 7 ตลาดหุ้นโลก ปี 2568 เชื่อมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน ที่ถือว่ามีความโดดเด่นที่สุดด้วยเศรษฐกิจที่มีการเติบโตและการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ตลาดหุ้นถือว่าปรับตัวลดลงมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด เปิดตัว Jitta Ranking Alpha ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และแนะนำ “ตลาดหุ้นดีราคาถูก” พร้อมจัดพอร์ตช่วยเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุน

เปิดทิศทางตลาดหุ้นโลกปี 2568

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 ตลาดหุ้นโลกในภาพรวมยังปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึงปี 2568 โดยเฉพาะตลาดหุ้นหลักที่มีขนาดใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ โดยมองว่าตลาดหุ้นจีนโดดเด่นที่สุดในด้านการลงทุน เนื่องจากมีหุ้นดีและราคาถูกจำนวนมาก ดังนี้

ตลาดหุ้นจีน - ภาพรวมเศรษฐกิจจีนเติบโตได้ และเม็ดเงินจะเริ่มหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกัน จีนเตรียมนโยบายทั้งการคลังและการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อเตรียมรับมือสงครามการค้า และจะมีการพึ่งพิงนำเข้า-ส่งออกลดลง รวมถึงพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก

พร้อมกันนี้ จีนจะกลับมากระตุ้นให้นักลงทุนในประเทศกลับมาซื้อหุ้น หลังที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นจีนออกมาจำนวนมาก ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี มองว่าอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่น ได้แก่ อาหาร, เฮลท์แคร์ และพลังงานสะอาด เป็นต้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ - ประเมินว่าหลังปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นสหรัฐมักจะปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าปีหน้าจะปรับตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมมองว่าจะเติบโตได้ โดยเฉพาะจากนโยบาย “American First” ของสหรัฐฯ ที่มีการลดภาษีนิติบุคคล และเพิ่มภาษีสินค้านำเข้า

อย่างไรก็ตาม ในภาพของตลาดหุ้นอาจมีความผันผวน แต่จะไม่ปรับตัวขึ้นแรงหรือปรับตัวลดลงแรง โดยหุ้นขนาดเล็กมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ หากเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่ดี มีโอกาสทำกำไรได้สูง

ตลาดหุ้นฮ่องกง - ปัจจุบัน P/E ถือว่ายังถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้ว โดยดัชนี HSI อยู่ที่ 9.8 เท่า เมื่อเทียบกับ S&P 500 อยู่ที่ 27 เท่า และเป็นตลาดหุ้นได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่เพราะมีบริษัทจีนจดทะเบียนในตลาด (H-shares) อยู่เป็นจำนวนมาก

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น - เศรษฐกิจญี่ปุ่นโตสูงกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 3/67 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2568 จะอยู่ที่ 1.1% ถือเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจ 4 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2563 พร้อมคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พยุงไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าลงไปมากกว่านี้ เพราะอาจกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ ส่วนตลาดหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ทำให้ประเมินว่าปี 2568 ยังมีความผันผวนมาก

ตลาดหุ้นเวียดนาม - นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามใน ปี 2567-2568 อยู่ที่ 6.5% สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และมีความโดดเด่นจากเม็ดเงินลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามถือเป็นอันดับ 1 ในตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) และกำลังจะปรับขึ้นเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) ในปี 2568 ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้เงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น จากกองทุนต่างๆ สามารถลงทุนได้

ตลาดหุ้นยุโรป - เศรษฐกิจภาพรวมสหภาพยุโรปยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมีการอ้างอิงอุตสาหกรรมเก่าเยอะ รวมถึงจีนลดการบริโภคสินค้าจากยุโรปลดลง ทำให้มองว่าเหลือเพียงบางอุตสาหกรรมที่จะสามารถเติบโตได้ โดยอาศัยความเป็นเฉพาะตัวที่คนยังให้มูลค่า เช่น ภาคการท่องเที่ยว และสินค้าลักซ์ชัวรี เป็นต้น

ตลาดหุ้นไทย - ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น จากโครงการต่างๆ ในอนาคต ได้แก่ Entertainment Complex, การลงทุน Datacenter และการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาโตได้ แต่ยังมีความเสี่ยงประเด็นการว่างงานที่เริ่มสูงขึ้น

ส่วนตลาดหุ้นไทยในปี 2568 มองว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ ส่วนกลุ่มที่อิงกับการอุปโภคบริโภคในประเทศมองว่าเริ่มอิ่มตัวและจะไม่ค่อยเติบโตมากนัก

ส่ง AI ช่วยนักลงทุนจัดพอร์ต หา “ตลาดหุ้นดีราคาถูก”

ตราวุทธิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การออกไปลงทุนต่างประเทศกลายเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาหลักของนักลงทุนส่วนใหญ่คือการเลือกลงทุนในประเทศที่กำลังเติบโต มีอนาคตที่ดีในระยะยาว แต่ช่วงเวลาที่ลงทุนอาจเป็นช่วงที่ตลาดแพงมากหรือเริ่มเป็นขาลงตามวัฏจักร จึงประสบปัญหาพอร์ตติดลบค่อนข้างนาน และไม่รู้ว่าควรจะย้ายไปลงประเทศอื่นตอนไหนดี

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสถิติตลาดหุ้นย้อนหลังในหลายๆ ประเทศ พบว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นลงเป็นวัฏจักร โดยเฉลี่ยแล้วใน 10 ปี ตลาดหุ้นจะติดลบประมาณ 3 ปี และกำไรประมาณ 7 ปี ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า หากตลาดหุ้นโดยรวมทำผลตอบแทนได้ดีหลายปีติดต่อกัน ก็มีโอกาสที่ปีต่อไป ตลาดหุ้นจะปรับฐานทำผลตอบแทนลดลง

ในขณะเดียวกัน หากตลาดหุ้นทำผลตอบแทนไม่ค่อยดีในปีที่ผ่านๆ มา หรือประสบวิกฤต ตลาดหุ้นตกลงมาแรงๆ ก็มีโอกาสที่ปีต่อไปจะฟื้นตัว กลายเป็นตลาดหุ้นขาขึ้นได้ ดังนั้นหากนักลงทุนสามารถวิเคราะห์หา ‘เวลาที่เหมาะสม’ ในการลงทุนของตลาดหุ้นแต่ละประเทศ และสามารถสลับการลงทุนจากตลาดหุ้นที่ราคาแพงเกินไปแล้ว นำเงินไปลงทุนในตลาดที่มีโอกาสมากกว่า ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการฝ่ามรสุมตลาดหุ้นขาลง (Drawdown Period) ของพอร์ตได้ และเพิ่มผลตอบแทนให้ดีขึ้นได้ในระยะยาว

ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาต่อยอดแผนการลงทุน Jitta Ranking ด้วย Alpha AI อัลกอริทึมวิเคราะห์ประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในแต่ละปี ภายใต้ “Jitta Ranking Alpha” ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนใน “ตลาดหุ้นที่ดีในเวลาที่เหมาะสม” และ “หุ้นดีราคาถูก” ได้พร้อมๆ กัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้นักลงทุนได้ดีกว่า

กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking Alpha มีแนวทางจัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง และปรับพอร์ต เพื่อป้องกันผลกระทบจากความผันผวนของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากจนเกินไป จึงจะเน้นการกระจายความเสี่ยงลงทุน 20 หุ้น ตามการจัดอันดับของ Jitta Ranking ประเทศนั้นๆ ในสัดส่วนเท่าๆ กัน รีวิวและปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน ตามช่วงเวลาประกาศผลประกอบการของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการรีวิวและปรับเปลี่ยนตลาดหุ้นที่ลงทุนในทุกๆ ปี

โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2 ล้านบาท เพื่อการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ดีสุดจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) 10 ปี ตั้งแต่ 2557-2566 ของ Jitta Ranking Alpha เฉลี่ยอยู่ที่ 20.71% ต่อปี (ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567)

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ