เป็นกระแสขึ้นมาทันที เมื่อนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ แห่ง ลอตเตอรี่ พลัส ได้บุกตลาดหุ้น ด้วยการทำการซื้อหุ้น EE ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,607 ล้านหุ้น ส่งผลให้เจ้าตัวขึ้นถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 57% พร้อมกับประกาศเปลี่ยนบริษัทจากธุรกิจเกษตรไปเป็น TECH
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการซื้อขายวันนี้ (6 ธ.ค.) ราคาหุ้นมาอยู่ที่ 0.36 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.63% โดยมีแรงซื้อหุ้นเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกจดหมายเตือนนักลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย และในขณะเดียวกัน สั่งให้บริษัทชี้แจงกรอบการใช้เวลาศึกษาเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ TECH ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ EE ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมและขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลด้วยความระมัดระวังก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ
ตามที่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) (EE) ได้แจ้งสารสนเทศสำคัญมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
1. มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ซึ่งเข้ามาถือหุ้น EE ในสัดส่วน 57.81% และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นละ 0.14 บาท
2. คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุน 2,720 ล้านหุ้น (49.45% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน) ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท เป็นเงิน 517 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) 5 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น (Control Dilution) มากกว่า 25% โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ธุรกิจ Tech)
ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12% แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (รายละเอียดตามข่าวของ EE วันที่ 4 ธันวาคม 2567) จากรายการข้างต้นส่งผลให้ EE มีการเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยธุรกิจใหม่มีความเสี่ยงที่แตกต่างจากธุรกิจปัจจุบันของบริษัทซึ่งเป็นธุรกิจการเกษตร บริษัทคาดว่าจะลงทุนภายในปี 2568 และมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12%
จึงเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ EE ชี้แจงข้อมูลกรอบเวลาที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจ Tech แล้วเสร็จ ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลของ EE ด้วยความระมัดระวังก่อนการตัดสินใจลงทุน และติดตามความคืบหน้าของบริษัทในการเข้าลงทุนในธุรกิจ Tech ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ อิศรา เรืองสุขอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE แจ้งรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงมติการประชุมของบริษัทครั้งที่ 9/2567 และ 10/2567 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยมีวาระที่ประกาศความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการประชุมคณะกรรมการบริษัท 2 ครั้งล่าสุด โดยมีรายละเอียดดังนี้ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและกรรมการบริหาร โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นประธานกรรมการคนใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อรองรับทิศทางธุรกิจในอนาคต และมีมติการลดและเพิ่มทุนเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจ บริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนจำนวน 2,780 ล้านบาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 2,720 ล้านบาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อเพิ่มความสามารถในการลงทุนและขยายโอกาสทางธุรกิจ
โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ราคาที่กำหนดจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศ ทจ. 28/2565 และไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยราคาตลาดคำนวณจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักย้อนหลัง 15 วันทำการ ทั้งนี้ การเสนอขายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น (Control Dilution) เกินร้อยละ 25 จึงต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของเสียงทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง
ด้านการสร้างความชัดเจนให้แก่โครงสร้างธุรกิจใหม่ ทางบริษัทจึงเห็นชอบและเตรียมเสนอเปลี่ยนชื่อบริษัทสู่ยุคใหม่ในชื่อ TECHLEAD NPN “บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน)” (TECHLEAD NPN Public Company Limited) เพื่อสะท้อนถึงทิศทางธุรกิจใหม่ที่ชัดเจน หลังการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้บริหาร
ด้านนายอิศรา เรืองสุขอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “การเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘TECHLEAD NPN’ ไม่เพียงแค่เป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กร แต่ยังแสดงถึงความชัดเจนในโครงสร้างธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง ภายหลังการปรับเปลี่ยนกลุ่มผู้บริหาร แนวทางใหม่นี้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน โดยธุรกิจใหม่ที่เรามุ่งเน้นจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่กว้างขึ้น เพิ่มรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมั่นใจว่าธุรกิจใหม่มีศักยภาพสูงและมีทิศทางการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จของบริษัทในอนาคต”
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะถูกนำเสนอในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ผ่านระบบ e-Meeting ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. โดยมีการกำหนดวัน Record Date ในวันที่ 24 ธันวาคม 2567