ร้อนแรงอย่างมากสำหรับหุ้น MONO ของบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.86% จนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องออกจดหมายเตือนนักลงทุน และนำเข้าสู่มาตรการควบคุมการซื้อขายระยะที่ 1 พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า
พบกลุ่มคนที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันเข้าซื้อขาย: กลุ่มคนดังกล่าวเข้าซื้อขายในแต่ละวันประมาณ 15% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งวัน โดยพบว่ามีส่วนสนับสนุนทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น
ผลดังกล่าวทำให้ทาง MONO ได้ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้กับประเด็นดังกล่าว โดย MONO มองว่าหากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบการกระทำผิดควรแจ้ง ก.ล.ต. ให้รับทราบและอาจดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ถือหุ้น
นวมินทร์ ประสพเนตร รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยว่า ตามข่าวเผยแพร่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีหุ้น MONO ถูกประกาศให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม 2567 นั้น
บริษัทขอชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงในสภาพการซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและสภาวการณ์อื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจพบกลุ่มบุคคลที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
หากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกประกาศแจ้งเตือนนักลงทุนเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ซึ่งส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกและความเสียหายเกินควร อันเป็นเหตุให้ราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบริษัทฯ และหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบโดยไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมาย
ถือเป็นการกระทำที่ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้หากมีความจำเป็นต้องแจ้งเตือนกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ลงทุนในวงกว้าง บริษัทฯ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ลงทุนและบริษัทฯ อย่างเหมาะสม
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สิทธิทางกฎหมายต่อการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ข้อเท็จจริงของสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MONO หลังเข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
หลักทรัพย์ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) (MONO) ถูกประกาศให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม 2567 ซึ่งในช่วงเวลาที่อยู่ในมาตรการ 4 วันทำการ จนถึงวานนี้ (2 ธันวาคม 2567) พบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพการซื้อขาย ดังนี้
ราคาและมูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น: ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวันคิดเป็น 31.5% นับตั้งแต่เข้ามาตรการ เช่นเดียวกับมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเข้ามาตรการ ทั้งที่ไม่มีสารสนเทศ (Material information) ใหม่เพิ่มเติมในช่วงนี้ ด้วย P/E ที่ขาดทุน และ P/BV ที่ 8.82 เท่า อัตราการหมุนเวียนเปลี่ยนมือสูงอันอาจแสดงถึงภาวะการเก็งกำไรที่สูงขึ้น: % Daily Turnover ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเฉลี่ยในช่วงก่อนเข้ามาตรการที่ 0.75% เป็น 3.04% พบกลุ่มคนที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันเข้าซื้อขาย: กลุ่มคนดังกล่าวเข้าซื้อขายในแต่ละวันประมาณ 15% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งวัน โดยพบว่ามีส่วนสนับสนุนทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น
ทั้งนี้ หากพบว่าสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ MONO ยังคงผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) สนับสนุน หลักทรัพย์ MONO จะถูกยกระดับจากมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ปัจจุบันที่กำหนด โดยห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย, Cash Balance และให้ซื้อขายด้วยวิธี Auction
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการแจ้งเตือนผู้ลงทุนนั้นเป็นแนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องการให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนให้ทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยในการแถลงกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ ว่า นโยบายข้อหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ คือ การให้ข้อมูลกับนักลงทุนให้ทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น
ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ถือว่าเป็นด่านแรกของการซื้อขาย ที่จะเห็นข้อมูลการซื้อขายต่าง ๆ และเมื่อเราเห็นความไม่ปกติก็ต้องมีการสอบถามและแจ้งให้กับนักลงทุนรับทราบ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ดูแลแค่การซื้อขายแต่จะพิจารณาในด้านปัจจัยพื้นฐานหรือส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาประกอบเพื่อตรวจสอบความผิดปกติในตลาดหุ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่