ตลาดหุ้นไทยเจอความปั่นป่วนอีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “DELTA” ปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า 12% หลังถูกจับเข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ในช่วงเช้าวันนี้ ฉุดตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่า 10 จุด โดยในเวลา 11.04 น. ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,446.22 จุด ปรับตัวลดลง 16.26 จุด ในขณะที่ราคาหุ้น DELTA อยู่ที่ 149 บาท ลดลง 14.12% โดย DELTA มีผลต่อดัชนีให้ปรับลดลง 26 จุด
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า DELTA มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยสูงมาก โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาราคาหุ้น DELTA ขึ้นหรือลง 1% จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทย 1 จุด ซึ่งจะสร้างความปั่นป่วนกับตลาดหุ้นไทยได้ หากเกิดภาวะของราคาหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง
ทั้งนี้ ภาวะของ DELTA ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 173 บาทในวานนี้ (20 พ.ย.) และมี P/E 100 เท่า ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องแจ้งเตือนผู้ลงทุนและใช้ความระมัดระวัง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “DELTA”
โดยประกาศให้ DELTA เป็นหลักทรัพย์เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่ 21 พ.ย.-11 ธ.ค. 2567 ในระหว่างนี้ สมาชิกต้องห้ามนำ DELTA มาคำนวณวงเงินซื้อขาย และให้ลูกค้าซื้อด้วยบัญชี Cash Balance (วางเงินสด 100% ก่อนซื้อ) โดยหากพบว่าสภาพการซื้อขายยังคงเปลี่ยนแปลงผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) สนับสนุน DELTA จะถูกยกระดับเข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ปัจจุบันที่กำหนด
สภาพการซื้อขาย DELTA เป็นดังนี้ ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยวันนี้ (20 พ.ย. 2567) ราคาปิดที่ระดับสูงสุด (New All Time High) ที่ 173.50 บาท ด้วย P/E และ P/BV ที่ 100.68 เท่า และ 28.03 เท่า ตามลำดับ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด Market Cap ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 1.38 ล้านล้านบาท เป็นประมาณ 2.16 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 57% ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน (ตั้งแต่เดือน ต.ค. 67 เป็นต้นมา)
เอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าธนบดี บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า DELTA ปัจจุบันมีอิทธิพลกับตลาดหุ้นสูงมาก ตอนนี้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป้นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นไทย คิดมีสัดส่วนต่อมาร์เก็ตแคปมากกว่า 10% ดังนั้นหากเดลต้าขึ้นหรือลงย่อมมีผลกับดัชนีตลาดหุ้นโดยตรง
“DELTA มีสัดส่วนที่สูงมากในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นเมื่อเดลต้าปรับตัวขึ้นหรือลง ย่อมส่งผลกระทบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยด้วย ซึ่งในมุมหนึ่งการปรับตัวขึ้นยังไม่น่ากังวลมาก เท่ากับการปรับตัวลดลง”
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นสิ่งสะท้อนภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ประกอบไปด้วยมากกว่า 900 บริษัทในตลาดหุ้น วึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นด้วยหุ้นไม่กี่ตัว นำโดย DELTA เป็นหลัก ในขณะที่หุ้นตัวอื่นไม่ขึ้นด้วย
ซึ่งในความน่ากังวล คือ หาก DELTA มีมูลค่าที่สูงมากและราคาปรับตัวลดลง จะไม่กระทบกับแค่หุ้น DELTA เพียงตัวเดียว แต่จะส่งผลต่อหุ้นตัวอื่นๆในตลาดหุ้นไทยที่ไม่ได้ปรับตัวขึนไปก่อนหน้า ให้กิดแรงเทขายออกมาเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อ เซ็นติเมน ภาพรวมของตลาดไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ในด้านคำแนะนำผู้ลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้เทรดหุ้น DELTA มองว่า ควรสังเกตความเคลื่อนไหวของ DELTA ด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า DELTA มีผลต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วนนักลงทุนที่จะเข้าเทรดหุ้น DELTA อาจต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะราคาหุ้นขึ้นมาสูงมาก
ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หุ้น DELTA เริ่มมีอิทธิพลกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 2 ล้านล้านบาท ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1.8 ล้านล้านบาท อยู่ในระดับ มากกว่า 10% ดังนั้นการปรับตัวขึ้น หรือ ลงมีผลกระทบกับดัชนี
“DELTA มีผลกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดย DELTA เวลานี้ปรับตัวขึ้น หรือ ลง ทุก 1 บาท แทบจะมีผลกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ขึ้น หรือ ลง 1 จุดทันที”
อย่างไรก็ตามในเมื่อเกิดความผิดปกติในการทำดัชนีตลาดหุ้นไทยจากการเคสของ DELTA ในระยะสั้นอาจจะเสนอว่า เราอาจต้องพิจารณาในการตัด DELTA ออกไปจากการทำดัชนี หรือ ทำดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ ไม่มี DELTA ประกอบ เพื่อสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่