ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยลงทุนได้ยากขึ้น ท่ามกลางความท้าทายในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนจะต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือกลงทุนมากขึ้น
ล่าสุด บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดลิสต์ 6 หุ้นเด่น น่าเข้าสะสมหวังผลในระยะ 1 ปีขึ้นไป โดยพบว่ามีหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรจากอัพไซด์ราคาสูงสุด 56% ดังนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า หลังโควิดถึงปัจจุบัน การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยากขึ้น ถูกกดดันจากเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตช้าและต่ำคาด, การเมืองไม่นิ่ง และกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติชะลอไหลเข้ากดดันให้ ในปี 2565, 2566, 2567 มีสัดส่วนจำนวนหุ้นทั้งหมดในดัชนี SET และ mai ที่ให้ผลตอบแทนรายปีเป็นบวกน้อยกว่าครึ่ง หรือเพียง 31%, 14%, 26% ตามลำดับ
แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีจำนวนหุ้นบวกรายปีต่ำ ทำให้การลงทุนต้องพิถีพิถัน และเน้นการเลือกลงทุน หรือ Selective Buy มากขึ้น ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ ทำการศึกษา และค้นหาหุ้นที่คาดว่าจะเอาชนะตลาด และน่าสะสมสะสมระยะ 1 ปีขึ้นไป ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1.เลือกหุ้นที่มี SAFETY MARGIN สูง - โดยปกติตลาดหุ้นและหุ้นมักจะไม่ลบติดต่อกัน 2 ปี ทำให้หุ้นที่ย่อตัวลงมาในปีนี้ ช่วยลด Downside Risk ลงไประดับหนึ่งแล้ว
2.เลือกหุ้นที่กำไรปีหน้ามีโอกาสเติบโตเด่น โดยสังเกตได้จากหุ้นที่ขึ้นแรงอันดับต้นๆ ใน SET100 ในแต่ละปี มักเป็นหุ้นที่กำไรปีนั้นเติบโตเด่นมาก
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา กลุ่มหุ้นที่ราคาย่อตัวลงมาเยอะ แต่กำไรมีโอกาสเติบโตเด่นในปี 2568 และเลือกหุ้นเด่นน่าลงทุนจากในกลุ่มนี้ ได้ผลลัพธ์ หุ้นเด่นน่าเข้าสะสมหวังผลในระยะ 1 ปีขึ้นไป คือ SCC, SCGP, MINT, GPSC, CK ดังนี้
1.หุ้น SCC หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 270 บาท มีอัพไซด์ 44% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 187 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 84%
2.หุ้น GPSC หรือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 54 บาท มีอัพไซด์ 33% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 40.75 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 36%
3.หุ้น SCGP บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 35.50 บาท มีอัพไซด์ 50% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 23.60 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 25%
4.หุ้น MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 37 บาท มีอัพไซด์ 47% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 25.25 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 16%
5.หุ้น CK หรือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 28 บาท มีอัพไซด์ 56% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 18 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 13%
6.หุ้น PLANB หรือ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 10.60 บาท มีอัพไซด์ 42% จากราคาปิดวันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 7.45 บาท คาดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 11%
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้