ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินปี 67 เป็นปีที่เจ้าสัวเดินหน้าบุกตลาดขนมขบเคี้ยวทั้งในประเทศ และในตลาดโลก เพื่อตอกย้ำ “เจ้าสัว” เจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวไทยในกลุ่ม Better for you Snack พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดจะเติบโตได้ดีในทุกช่องทาง ทั้งร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ กลุ่มช่องทางออนไลน์ และกลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิมที่สามารถกระจายสินค้าลงในพื้นที่ได้ครอบคลุมและเติบโตมากขึ้น ควบคู่ทำการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขาย รับเทศกาลส่งท้ายปี พร้อมกับบุกช่องทางออนไลน์ผ่านแคมเปญต่างๆ
นอกจากนี้ สินค้าใหม่ที่วางจำหน่ายราว 15 SKUs จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวตัง และหมูแท่ง โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์และอินฟลูเอนเซอร์ร่วมทำกิจกรรม เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศให้คึกคัก และคาดจะดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติมในครึ่งปีหลังจำนวน 11 รายใน 8 ประเทศ ซึ่งหลายเจ้ามีคำสั่งซื้อซ้ำมา สนับสนุนให้ปัจจุบัน บริษัทฯมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์กระจายอยู่ครอบคลุม 21 ประเทศทั่วโลก เป็นฐานรายได้ใหม่ที่จะเข้ามาสนับสนุนโอกาสในปี 68
จึงตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโต 20% จากปี 67 และตั้งเป้านำเสนอสินค้าใหม่ราว 20 SKUs ที่จะทยอยออกตั้งแต่ต้นปี ทั้งข้าวอบกรอบ และหมูแท่ง ควบคู่กับการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศกว่า 10 งาน หนุนตลาดต่างประเทศและเร่งสร้างฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต
สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 454.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.4% จากไตรมาส 2/67 (QoQ) และเพิ่มขึ้น 20.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ในด้านกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/67 อยู่ที่ 53.7 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 62.0% จากไตรมาส 2/67 (QoQ) สาเหตุมาจากสัดส่วนการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเริ่มเกิดการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) จากค่าใช้จ่ายในการขยายตัวแทนกระจายสินค้าผ่านร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade Distributor) ที่ทยอยเปิดครบตามแผนทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/67 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้มาจากในประเทศสัดส่วน 65% และต่างประเทศสัดส่วน 35%
ทั้งนี้ ภาพรวมไตรมาส 3 ปี 67 ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของตลาดต่างประเทศ โดยรายได้เติบโตถึง 94.6% (QoQ) และเพิ่มขึ้น 22.4% (YoY) ชูตลาดจีนมีความคืบหน้าทั้งในแง่ของการกระจายสินค้าผ่านช่องทางแข็งแกร่งที่ Sam’s Club และในไตรมาส 3 บริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังห้าง เหอหม่า (Hema) Supermarket ชื่อดังของ Alibaba และได้มีการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์ชาวจีนเพิ่มเติม 1 ราย เข้ามาร่วมบุกตลาด ปูพรมสินค้ากระจายเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมทั้ง กลยุทธ์การใช้อินฟลูเอนเซอร์ในช่องทางออนไลน์ และการนำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ ยังคงตอบรับกับกระแสนิยมของการบริโภคสินค้าที่มีประโยชน์ ยอดขายเติบโตขึ้นได้เล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากสินค้าที่วางจำหน่ายในปัจจุบันเป็นสินค้า OEM ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีข้อจำกัดในการบริหารจัดการโปรโมชั่น รวมถึงกิจกรรมทางการตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ในการคัดสรรสินค้า 7 – 10 รายการ เพื่อเสนอเข้าไปใน Asian Supermarket และตลาด Mainstream คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 4 ปีนี้ และส่งผลบวกในปีหน้า
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกมาจากกลุ่มลูกค้าที่ทยอยเปิดในประเทศใหม่ๆ ที่สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย ดูไบ ฟิลิปปินส์ คำสั่งซื้อแรกส่งออกไปเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาต่อเนื่อง อีกทั้ง เริ่มขยายไปที่ ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม แคนาดา และไต้หวัน เริ่มส่งออกสินค้าในเดือนกันยายน และตุลาคมเรียบร้อยแล้ว
ด้าน ความคืบหน้า บริษัท CHAOSUA FOODS USA Corporation บริษัทร่วมทุนในสหรัฐอเมริการะหว่าง CHAO กับ AS World USA LLC (AS World) ปัจจุบันเตรียมความคืบหน้าออกงานแสดงสินค้าและขยายตลาดในปี 68 เต็มกำลังมากขึ้น
ขณะที่ตลาดในประเทศไตรมาส 3/67 มีรายได้เพิ่มขึ้น 13% QoQ และเพิ่มขึ้น 19.2% YoY ปัจจัยบวกมาจากกิจกรรมทางการตลาดและสินค้าใหม่ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาด การทยอยเพิ่มพื้นที่พิเศษเพื่อวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงได้รับแรงบวกมาจากกลุ่มตัวแทนจำหน่ายช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม ที่ได้มีการทยอยปรับโครงสร้างการขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิมแบบใหม่เรียบร้อยแล้ว
และความสำเร็จของผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สนับสนุนงวด 9 เดือนปี 67 CHAO มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,133.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 423.6 ล้านบาท คิดเป็น 37.4% ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิ 113.4 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของรายได้จากการขาย และกำไรปรับลดลงเล็กน้อยที่ 3.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน