ทั้งนี้ภายหลังประกาศได้รับสิทธิผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วนั้น ทาง JAS ได้เปิดเผยรายละเอียดของดีลนี้เพิ่มเติมว่า หรือ JAS ได้บรรลุข้อตกลงในการถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแต่เพียงผู้เดียวใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา และลาว อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และไฮไลท์ ในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป โดยมีมูลค่าประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ "JAS" คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด "พรีเมียร์ลีก" ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกมาครอบครองได้สำเร็จ มุ่งมั่นถ่ายทอดคอนเทนต์ให้เข้าถึงมากกว่า 25 ล้านครัวเรือนใน 3 ประเทศ ตั้งเป้าสมาชิก 3 ล้านบัญชีในปีแรก จากจำนวนคนทั้งสิ้น 96 ล้านคน ถือเป็นการปิดดีลลงทุนอภิมหาโปรเจ็กต์อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีกลุ่มบริษัทโมโน (MONO) อาทิ MONOMAX และ ช่อง MONO29 เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำการตลาดและจัดจำหน่ายคนสำคัญ
การได้รับลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ JAS และ MONO ในการร่วมกันขยายธุรกิจด้านคอนเทนต์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน โดยมีความพร้อมด้านเงินทุนภายหลังการขายธุรกิจ 3BB รวมถึงเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุนครอบคลุมทั้งธุรกิจด้านเทคโนโลยี ภายใต้การนำของ JTS และธุรกิจด้านโทรคมนาคม ภายใต้การนำของ JASTEL
อย่างไรก็ตาม เมื่อ JAS กลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาแทนที่ TRUE จึงเกิดคำถามว่า ทำไม TRUE ถึงเลือกที่จะไม่สู้ ซึ่งในมุมมองของนักวิเคราะห์ มองว่า เป็นการสะท้อนการคุมวินัยการเงินของทรู ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งผลกระทบของการไม่ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อาจกระทบกับกำไรไม่มากนัก เมื่อเทียบกับทรู ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในค่าลิขสิทธิ์ ในระดับ 8 พัน ถึง หมื่นล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า การที่ JAS ได้สิทธิ์ EPL นั้นมีผลเป็นกลางต่อ TRUE เนื่องจาก รายได้และค่าใช้จ่ายลงทุน (capex) อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย TRUE ยังคงเป็นเจ้าของสิทธิ์การถ่ายทอดฤดูกาล 2024/25 (16 สิงหาคม 2024 – 25 พฤษภาคม 2025) ทําให้ผลกระทบทางการเงินต่อ TRUE จาก การชนะของ JAS จะไม่เกิดขึ้นทันที
ในโมเดลของเรา เราคาดการณ์ว่ารายได้จากสมาชิก True Vision จะลดลง 6% ต่อปีในช่วงปี 2567 -2569 โดยหากไม่มี EPL รายได้อาจลดลงเร็วกว่าที่ คาดการณ์
·เราประเมินว่า TRUE ได้จ่ายเงินจํานวน 7-10 พันล้านบาทสําหรับสิทธิ์ ถ่ายทอดทุกชุด 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2017 การที่ TRUE ปล่อยให้ JAS ชนะที่ ราคา 8 พันล้านบาท อาจสะท้อนถึงวินัยทางการเงินที่เพิ่มขึ้นหลังการควบ รวมกิจการระหว่าง TRUE-DTAC
ราคาหุ้น TRUE อาจตอบสนองในทางลบ เนื่องจากบริษัทซึ่งมีภาพลักษณ์ เป็น “King of Sports” สูญเสียคอนเทนต์กีฬายอดนิยมไป เรามองว่าการ ปรับตัวลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการซื้อหุ้น TRUE
เรามีคําแนะนํา ซื้อ หุ้น TRUE(ราคาเป้าหมาย 13.30 บาท) เนื่องจาก คาดการณ์การเติบโตของกําไรหลัก 89% ในปี2568 และมีโอกาสที่ นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการกําไรขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า JAS ได้คว้าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท (หรือประมาณ 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสิทธิ์นี้ครอบคลุมทั้ง “ไทย ลาว และกัมพูชา” และจะเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2025/26 ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ฤดูกาล
ทั้งนี้ บล.ประเมินว่า ผลกระทบต่อ TRUE น่าจะเป็นกลาง เนื่องจากรายได้จากธุรกิจ PayTV คิดเป็นเพียง 4% ของรายได้หลักของบริษัท จึงอาจจะกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าในระยะสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ TRUE ยังสามารถให้บริการได้ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ในภาพรวม เราให้ความสำคัญกับธุรกิจ Mobile และ FBB มากกว่า ซึ่งเป็นตัวทำกำไรหลัก ประกอบกับกลยุทธ์ในการลดต้นทุนดอกเบี้ยและการลดขนาดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร โดยธุรกิจ PayTV เป็นเพียงส่วนเสริมให้บริษัทมีความครบวงจรในการให้บริการแก่ลูกค้า