บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น OR รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ จำนวน 1,609 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,170 ล้านบาท และลดลงจากไตรมาส 2/67 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,537 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.13 บาท
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 176,131 ล้านบาท ลดลง 7,858 ล้านบาท (-4.3%) จากไตรมาสก่อนหน้า ปรับลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมี EBITDA จำนวน 1,763 ล้านบาท ลดลง 3,080 ล้านบาท (-63.6%) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมลดลงเล็กน้อย ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากประมาณ 12% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งรายรับสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 4,651 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6,251 ล้านบาท (-57.3%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.39 บาท
โดยมีรายได้ขายและบริการ 538,054 ล้านบาท ลดลง 39,024 ล้านบาท ลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายลดลง 8.3% สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.1% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 11.6% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก
ใน 9 เดือนแรกของปี 2567 มี EBITDA จำนวน 12,779 ล้านบาท ลดลง 5,904 ล้านบาท (-31.6%) เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ที่ภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่งโดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extra item) สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานปกติสุทธิปรับลดลง 4.6% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมลดลง เนื่องจากรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาเป็นหลัก ในงวดนี้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 9M/66 ที่เงินบาทอ่อนค่าลง และมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney