บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงาน ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 โดย บริษัท มีกำไรสุทธิ ส่วนของบริษัทใหญ่ 2,168 ล้านบาท ลดลง 85% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.30 บาท โดยเป็นผลจากการรับรู้ขาดทุนสต็อกน้ำมัน กว่า 4.6 พันล้านบาท
กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโตกว่า 84%จากปีก่อน อยู่ที่ 447,631 ล้านบาท และมี EBITDA 33,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ย ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 254 KBD เติบโตกว่า 51% จากปีก่อน
แม้ว่าโรงกลั่นพระโขนงจะมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ (Turnaround Maintenance) ในรอบ 3 ปี เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แต่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นศรีราชา ซึ่งรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือนในปีนี้ หนุนกำลังการผลิตของกลุ่มบางจากเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายของราคาน้ำมันที่ผันผวน จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลกดดันต่อค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรก/2566
ประกอบกับรับรู้ Inventory Loss (รวม NRV) 4,683 ล้านบาท หรือ 1.88 ดอลลาร์ต่อบาเบล ซึ่งบางส่วนได้ถูกชดเชยด้วยกำไรจากสัญญาซื้อน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า ขณะที่กลุ่มธุรกิจการตลาด การผสานกันของเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 97%จากปีก่อน มาอยู่ที่ 10,247 ล้านลิตร
อีกทั้งการที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย และการปรับปรุงคุณภาพของสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านสถานีบริการรวมเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 29.0% กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด รับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือนในปี 2567 จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีการหยุดการผลิตไฟฟ้า เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังกำลังไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าว ช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทั้งหมด
อีกทั้งมีการรับรู้กำไรหลังหักภาษีจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 2,159 ล้านบาท ในเดือนมิ.ย. 2567 นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 58% จากปีก่อน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้ผลการดำเนินงานจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ที่ได้รับโอนสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2566 และแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือนต.ค. 2566 หนุนปริมาณการขายเติบโตกว่า 38% จากปีก่อน ทั้งนี้ ใน 9 เดือนแรก 2567 บริษัทฯ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่