เอาอีกแล้ว! ราคาหุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงวันนี้ ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/67 ออกมาดีกว่าคาด โดยวันนี้ (5 พ.ย.67) ราคาหุ้น DELTA ปิดตลาดช่วงเช้าที่ 148.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือ +6.09% จากวันก่อนหน้า
หากไปดูความเห็นนักวิเคราะห์ จากข้อมูลสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) พบว่ามีโบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ถือ” 10 ราย และให้คำแนะนำ “ขาย” 6 ราย โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ย 110.99 บาท สูงสุดที่ 128 บาท และต่ำสุด 70.68 บาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” โดยระบุว่า ราคาหุ้นแพงเกินกว่าที่จะลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานเมื่อเทียบกับการเติบโตในอนาคต
DELTA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 5.9 พันล้านบาท แต่หากตัดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 350 ล้านบาท และรายได้เงินชดเชยจากการผิดสัญญาทางการค้า 64 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน
โดยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการดีกว่าที่เราและตลาดคาด 7% จากกำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด รายได้หลักทำได้ 4.3 หมื่นล้านบาท โต 4% จากไตรมาสก่อน และโต 7% จากปีก่อน จากรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เติบโต ทั้งยอดขายกลุ่มสินค้า Power Electronics, กลุ่ม EV และสินค้ากลุ่ม Infrastructure
ด้านกำไรขั้นต้น (GPM) ทำได้ 27.6% +73 bps จากไตรมาสก่อน และ +500 bps จากปีก่อน ดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 26.0% เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้งบดีกว่าคาด โดย GPM ที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ทั้งๆ ที่ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า 4% มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายกลุ่ม Data Center ที่ให้กำไรสูงและการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าคงคลัง
ทั้งนี้ แนวโน้มยอดขายไตรมาส 4/67 ของ DELTA ยังแข็งแกร่ง แต่อาจจะไม่เติบโตเด่นเหมือนช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากคาดลูกค้าจะกังวลกับภาพเศรษฐกิจโดยรวมและกังวลกับมาตรการภาษีที่อาจจะตามมาหลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ขณะที่กำไรขั้นต้นจะได้แรงกดดันต่อเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีฐานไตรมาส 4/66 ที่ต่ำ ทำให้คาดว่าไตรมาส 4/67 จะเป็นอีกไตรมาสที่ DELTA จะเติบโตได้ โดยประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ปรับลดคำแนะนำลงเป็น “ขาย” อิงราคาเหมาะสมที่ 98.00 บาทต่อหุ้น หลังราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E ปี 2567 ที่ 80 เท่า และ P/E ปี 2568 ที่ 68 เท่า แพงเกินกว่าที่จะลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานเทียบกับการเติบโตในปี 2568 ที่ระดับ 17% ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในเดือนตุลาคม 2567 จากระดับ 107 บาทต่อหุ้น แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีพัฒนาการที่เด่นอย่างมีนัยสำคัญเพียงพอที่ทำให้เราต้องปรับเพิ่มราคาเหมาะสม
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney