ลงทุนแบบไหน? ดีกว่ากัน เงินสด หุ้น อสังหาฯ “Safe Haven” ของนักลงทุน ท่ามกลาง พายุตลาดปั่นป่วน! 

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ลงทุนแบบไหน? ดีกว่ากัน เงินสด หุ้น อสังหาฯ “Safe Haven” ของนักลงทุน ท่ามกลาง พายุตลาดปั่นป่วน! 

Date Time: 27 ต.ค. 2567 12:00 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • เปิดมุมมองกูรู การลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่าง เงินสด หุ้น และ อสังหาริมทรัพย์ เมื่อพิจารณายาวๆ แล้ว ที่อยู่อาศัย - ที่ดิน ยังคงเป็นรูปแบบการลงทุนที่ปลอดภัย (Safe Haven) และมีความผันผวนน้อยมาก ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา

Latest


เมื่อไม่นานมานี้ สังคมไทยมีการดีเบตถกเถียงกันในประเด็นการลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น “เงินสด” “หุ้น” และ “อสังหาริมทรัพย์” ซึ่งท้ายที่สุดจบลงด้วยมุมมองของแต่ละคนที่มีช่วงอายุต่างกัน โดยประสบการณ์และปัจจัยหลายๆ อย่างของแต่ละบุคคลทำให้มุมมองและวิธีคิดแตกต่างกันไป

ขณะที่การลงทุนในแต่ละรูปแบบนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย และสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับความพร้อม ความรู้ เงินลงทุน และความชอบ รวมไปถึงระยะเวลาและผลตอบแทนที่ต้องการได้ หรืออยากได้อะไรจากการลงทุน

ชู อสังหาริมทรัพย์ ยืนหนึ่ง “Safe Haven” ของนักลงทุน

แต่ถ้าพิจารณายาวๆ แล้ว อสังหาริมทรัพย์ (ที่อยู่อาศัย) ยังเป็นรูปแบบการลงทุนที่ปลอดภัย และมีความผันผวนน้อยมากๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดย “สุรเชษฐ์ กองชีพ” กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ (Property DNA) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ยังคงมีความเชื่อว่า ท่ามกลางพายุตลาดปั่นป่วน! “Safe Haven” ของนักลงทุนยังคงเป็นอสังหาฯ

โดยระบุว่ารูปแบบการลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 - 35 ปี ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตชัดเจน เพราะคนรุ่นนี้มีความอดทนรอคอยได้ไม่นานเทียบเท่าคนในอดีต เพราะโลกปัจจุบันเอื้อประโยชน์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และมีผลให้ความอดทนของคนในยุคหลังๆ ลดน้อยลง

ทำให้มองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาจจะไม่น่าสนใจ มีความเสี่ยงที่ชัดเจนจากเรื่องของอุปทานจำนวนมากในตลาด ใช้เงินลงทุนเยอะ เพราะราคาขายที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับรายได้ของพวกเขา หรือถ้าจะลงทุนในทองคำก็เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาในการถือครองยาวนาน (ยกเว้นช่วงนี้ที่ทำ All Time High แทบทุกวัน) และต้องลงทุนจำนวนมากจึงจะเห็นผลตอบแทน

ส่วนการลงทุนในพระเครื่อง นาฬิกา หรือของสะสมต่างๆ ก็เป็นที่นิยมในวงแคบมากๆ โดยเฉพาะพระเครื่องที่แม้จะมีกลุ่มชาวต่างชาติให้ความสนใจลงทุน แต่ก็ไม่ได้มีความต้องการมากมายนัก ส่วนนาฬิกาหรือของสะสมอาจจะขายในตลาดต่างประเทศได้ คนรุ่นใหม่ที่ได้รับสินทรัพย์ประเภทนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษจึงอาจจะมีการขายต่อหรือส่งต่อให้กับนักลงทุนที่สนใจทันทีไม่ถือไว้นาน

ส่งผลให้รูปแบบการลงทุนในอดีตเหล่านี้จึงไม่เป็นที่สนใจในสายตาของคนรุ่นใหม่ซึ่งความอดทนไม่มาก และไม่อยากรอคอยอะไรนานๆ ไม่ต้องการตำนานการสร้างตัว สร้างฐานะมากกว่า 10 ปี ทำให้หุ้น คริปโตเคอเรนซี่อาจจะเป็นการลงทุนที่ถูกใจของคนรุ่นใหม่มากกว่า เพราะรวดเร็ว ง่าย เห็นเงินเร็ว และลงทุนได้ครั้งละไม่มาก แต่มีความเสี่ยงสูง ความผันผวนก็มาก

10 ปีผ่านมา ราคาที่ดิน - ที่อยู่อาศัย เติบโตต่อเนื่อง 

ขณะที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างก่อนจะลงทุน เพราะการลงทุนในอสังหาฯ มีหลายประเภทและหลายรูปแบบ โดย 1 ในรูปแบบที่คนที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปคุ้นเคยและเห็นคนรุ่นก่อนหน้านี้ทำมานานแล้ว คือ การลงทุนใน “ที่ดิน” ซึ่งถ้าพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยอ้างอิงจากดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา พบว่าที่ดินในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 52% จากปี 2557 แต่อาจจะมีบางพื้นที่ที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เช่น พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ หรือบางพื้นที่ที่มีโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลเข้าไปลงทุน และเริ่มการก่อสร้างแล้ว รวมไปถึงมีการกว้านซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อพัฒนาโครงการประเภทต่างๆ แต่ก็มีอีกหลายทำเลที่ราคาที่ดินไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเลย หรือมีมูลค่าลดลงด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง

แต่ปัจจัยที่ส่งเสริมให้การลงทุนที่ดินยังคงเป็น 1 ในสินทรัพย์ที่น่าลงทุน คือ ที่ดินไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ แม้ว่าจะมีการถมทะเลสร้างที่ดินเพิ่มขึ้น แต่ทุกโครงการที่มีการถมทะเลล้วนเป็นโครงการที่พัฒนาโดยรัฐบาลหรือภายใต้การอนุญาตจากรัฐบาลทั้งนั้น

ส่วนการลงทุนในคอนโดมิเนียมอาจจะสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าที่ดิน เพราะราคาคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างปี 2557 – 2567 ประมาณ 63% และอาจจะมีหลายโครงการที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในทำเลที่มีความต้องการสูง รวมไปถึงยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาวรูปแบบหนึ่ง โดยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าฯ ในปัจจุบันอาจจะอยู่ในช่วง 4 – 7% ต่อปี หรือมากกว่านี้ แล้วแต่ทำเลและรูปแบบของโครงการ

“แม้ว่าปัจจุบันการลงทุนในตลาดอสังหาฯ อาจจะดูแล้วไม่น่าสนใจจากข่าวลบที่ออกมารายวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยจะลงทุนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงจากดัชนีผลตอบแทนรวม (Total Return Index: TRI) ณ 10 ปี อยู่ที่ 34% แต่ระหว่างทางก็มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปมาเช่นกัน ขณะที่ที่ดิน คอนโดฯ หรือบ้านแนวราบค่อนข้างมีความคงที่มากกว่า แม้ว่าอาจจะมีภาระเรื่องของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ก็ยังสามารถรวมเข้าไปในราคาขายได้”

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการลงทุนในอสังหาฯ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจอาจจะสร้างผลตอบแทนได้ไม่มาก แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการเช่นเดิม เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็ตาม ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินก็ยังคงอยู่ ยกเว้นหากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงจริงๆ ที่บางพื้นที่มูลค่าของที่ดินหรืออสังหาฯ อาจจะลดลงได้ แต่ถ้าจะลงทุนในอสังหาฯ ก็ควรต้องมีความรู้ และการศึกษาข้อมูลเหมือนการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่างๆ เช่นกัน

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ