ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่า "แบงก์ชาติ" อาจต้องมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามไปด้วย
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินว่า แบงก์ชาติ มีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 2 ครั้ง และต่อเนื่องไปในปี 2568 รวมลดลง 1% เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วย โดยชี้ให้เห็นว่า หากเงินบาทยังคงแข็งค่าที่ระดับ 33 บาท ไปจนถึงสิ้นปี จะกระทบต่อภาคการส่งออกไทยถึง -6%
อย่างไรก็ตาม บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า ท่ามกลางวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงนั้น มีโอกาสหนุนให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง พร้อมประเมินเป้าหมายดัชนีปีนี้แตะระดับ 1,500 จุด และปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,550 จุด ในปี 2568
ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 4/67 เศรษฐกิจ ดอกเบี้ย และการเมืองโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ โดยเศรษฐกิจหลักจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการผลิต อย่างไรก็ตา เชื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะ Soft Landing ได้ และไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มองว่าจะเข้าสู่ยุควัฏจักรขาลง หลังจากเฟดลดดอกเบี้ยเชิงรุก โดยเชื่อว่าจะมีการประกาศปรับลดอีกในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีโอกาสปรับลดตามไปด้วย
ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1.0% โดยคาดว่าจะปรับลด 2 ครั้งในปี 2567 และต่ออีกไปถึงปี 2568 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนั้นการลดดอกเบี้ยจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน
ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1.0% โดยคาดว่าจะปรับลด 2 ครั้งในปี 2567 และลดดอกเบี้ยต่ออีกในปี 2568 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนั้น การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก หากเงินบาทคงระดับที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ฯ จนถึงสิ้นปี ประเมินว่าจะกระทบต่อการส่งออกไทยในรูปของเงินบาทถึง -6% และหากคิดเม็ดเงินส่งออกในรูปของดอลลาร์ ก็อาจไม่มีการเติบโต
ดร. ปิยศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของทิศทางเศรษฐกิจโลกนั้น เศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 0.8% ในปีนี้ น้อยกว่าสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 2.3% เศรษฐกิจจีนจะชะลอลงสู่ 4.8% และญี่ปุ่นจะชะลอลงสู่ 0.0%
ด้านเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกชะลอลงจากปัจจัยการเมืองและนโยบายการเงินการคลังตึงตัว อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลสามารถผลักดันนโยบาย Digital Wallet ได้สำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4/67 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5%
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ ที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตดีเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว ส่วนดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ และตลาดหุ้นไทยได้
ด้านปัจจัยในประเทศยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการออกนโยบายเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของรัฐบาลใหม่ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ท่ามกลางความผันผวน
ทั้งนี้ ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย จะปรับตัวขึ้นและแตะระดับ 1,500 จุดภายในสิ้นปี 2567 และปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,550 จุด ในปี 2568 ได้ โดยหากคิดจากฐานดัชนี ณ ระดับ 1,380 จุด ประเมินว่าปัจจัยบวกที่จะหนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอีก มีดังนี้
สำหรับกลยุทธ์เน้นโฟกัสบริษัทที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว ด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ BDMS, CPALL, GPSC, HANA และ LHHOTEL
วิศกรณ์ คีรีวรรณ, CFA, ผู้อำนวยการ Investment Strategist ฝ่าย Wealth Products & Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นโลกโดยรวมจะผันผวนในช่วงครึ่งแรกของไตรมาสที่ 4/67 และจะเริ่มฟื้นตัวได้หลังการเลือกตั้งจบลง โดยแนะนำให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือครองการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่สหรัฐฯ ลง ตลอดจนหุ้นไทยที่ฟื้นตัวขึ้นมารับข่าวการเมืองในระยะสั้น
พร้อมแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้โลกเป็นสัดส่วนหลัก ในด้านของตราสารหนี้ภาคเอกชนและ MBS สามารถเข้าลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ ในระยะสั้นแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ไทยน้อยกว่าตราสารหนี้โลกเนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ต่ำและค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ส่วนการลงทุนในตราสารทุน ยังยึดหลักกำไรต้องเติบโต พร้อมทั้งต้องได้แรงหนุนจากการลดดอกเบี้ยและการเมืองสหรัฐฯ โดยเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ เพิ่มเติม และลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเพื่อรับประโยชน์จากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นหลังการเลือกตั้งจบลง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้