ซื้อหุ้นสหรัฐฯ เปิดพอร์ตที่ไหนดี? เปรียบเทียบ 4 โบรกฯ ดัง แบบไหนเหมาะกับคุณ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ซื้อหุ้นสหรัฐฯ เปิดพอร์ตที่ไหนดี? เปรียบเทียบ 4 โบรกฯ ดัง แบบไหนเหมาะกับคุณ

Date Time: 8 ก.ย. 2567 08:30 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • รวม 4 แอปพลิชันจากโบรกเกอร์ชื่อดัง เทรดหุ้นสหรัฐฯ ได้แก่ InnovestX, Liberator, Dime! และ Webull เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจนำไปเปรียบเทียบ และเลือกบริการที่เหมาะสมกับตัวเอง

ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนชาวไทย เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่มีบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี ที่มีการเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมา และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งนักลงทุนยังสามารถลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายหุ้นรายตัว หรือการลงทุนในกองทุน ETF ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม


ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ต่างเร่งพัฒนาการให้บริการเพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกได้อย่างทั่วถึง ทำให้ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ให้บริการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ หลายแอปพลิเคชัน ซึ่งแต่ละแอปมีจุดเด่น และข้อดีที่แตกต่างกันไป


ในครั้งนี้ “Thairath Money” ได้รวบรวม 4 แอปพลิชันจากโบรกเกอร์ชื่อดัง ได้แก่ InnovestX, Liberator, Dime! และ Webull เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจนำไปเปรียบเทียบ และเลือกบริการที่เหมาะสมกับตัวเองได้ ดังนี้


1. InnovestX

แอปพลิเคชันที่สามารถซื้อหุ้นต่างประเทศ ที่ขยายโอกาสในการลงทุนมากกว่า 1 หมื่นหลักทรัพย์และ ETF ทั่วโลก จาก 23 ประเทศ 31 ตลาดหุ้น ในแอปเดียว ซึ่งครอบคลุมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำเนินการโดย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มีรายละเอียดดังนี้

  • ลงทุนขั้นต่ำ: 1 หุ้น
  • ค่าธรรมเนียม: 0.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยมีค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำ 4.99 ดอลลาร์ฯ ต่อรายการ
  • จุดเด่น: มีบริการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสามารถลงทุนได้ครอบคลุมหลากหลายสินทรัพย์ในแอปพลิเคชันเดียว มีบริการแลกสกุลเงิน และซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ฯ

2. Liberator

แอปพลิเคชันที่เข้าถึงสินทรัพย์หลายรูปแบบทั้ง หุ้นชั้นนำและกองทุน ETFs ของสหรัฐอเมริกา สามารถลงทุนได้บนแอปลิเคชัน ดำเนินการโดย บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด มีรายละเอียดดังนี้

  • ลงทุนขั้นต่ำ: เริ่มต้นด้วย 1 ดอลลาร์
  • ค่าธรรมเนียม: มี 2 แบบ
    • จ่ายตามจริง เริ่มต้น 0.10%
    • จ่ายเหมา 999 บาท/เดือน ไม่จำกัดมูลค่าการเทรดต่อเดือน
  • จุดเด่น: นักลงทุนสามารถซื้อขายแบบเศษส่วนหุ้นได้ และมีฟังก์ชันการส่งคำสั่ง ซื้อ-ขาย ตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น การตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าแบบกำหนดราคา ช่วยให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงได้มากขึ้น
  • 3.Webull

    แอปพลิเคชันจากโบรกเกอร์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เข้ามาเปิดให้บริการในไทย เพื่อเทรดใน Dowjones โดยเฉพาะ โดยเริ่มเข้ามาทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าในไทยเมื่อกลางปี 2567 ที่ผ่านมา ดำเนินการโดย บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จํากัด มีรายละเอียดดังนี้

    • ลงทุนขั้นต่ำ: เริ่มต้นที่ 0.0001 หุ้น ที่ขั้นต่ำ 5 ดอลลาร์
    • ค่าธรรมเนียม: 2 ช่วงเวลา
      • 04:00 - 20:00 อยู่ที่ 0.10% (ไม่มีขั้นต่ำ)
      • 20:00 - 04:00 อยู่ที่ 0.15% (ไม่มีขั้นต่ำ)
  • จุดเด่น: ซื้อขายแบบเศษส่วนหุ้นได้ พร้อมมีบริการเครื่องมือและข้อมูลช่วยเทรด เช่น Stock screener, Charting tools หรือ NASDAQ Level-2
  • 4. Dime!

    แอปพลิเคชันที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ บริการ ความรู้ ข้อมูล และเครื่องมือการเงินการลงทุนไว้ครบ จบในที่เดียว โดย บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด ในเครือเกียรตินาคินภัทร มีรายละเอียดดังนี้

    • ลงทุนขั้นต่ำ: 50 บาท หรือ 1.50 ดอลลาร์
    • ค่าธรรมเนียม : รายการแรกของเดือน เทรดฟรี รายการต่อไป 0.15% ของมูลค่าหุ้นที่ซื้อขาย
    • จุดเด่น: สามารถลงทุนด้วยสกุลเงินบาท และซื้อขายแบบเศษส่วนหุ้นได้ รวมถึงซื้อขายหุ้นได้ทั้งในและนอกเวลาทำการของตลาด และมีบริการ DCA ตั้งเวลาลงทุนให้สามารถทยอยลงทุนในหุ้นได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ


    ทั้งนี้ หากนักลงทุนสนใจสามารถศึกษารายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ และนอกจากการเปรียบเทียบคุณสมบัติ และค่าธรรมเนียมของแต่ละแอปพลิเคชันแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และเพิ่มความเข้าใจและความมั่นใจในการลงทุนต่อไป

     

    อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

    ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


    Author

    กองบรรณาธิการ

    กองบรรณาธิการ