สำนักงาน ก.ล.ต. เผย อยู่ระหว่างพิจารณาออกเกณฑ์ให้ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลการนำหุ้นไปใช้เป็นหลักประกันนอกตลาด โดยคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้เร็วๆ นี้
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ย้ำนักลงทุนควรดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก พร้อมพิจารณาเหตุผลการนำหุ้นไปวางค้ำประกันนอกตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. จะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพและมีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. กำลังพิจารณาเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และประกาศให้ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเปิดเผยข้อมูลการนำหุ้นไปใช้เป็นหลักประกันนอกตลาด เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและนักลงทุน
โดยการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการนำหุ้นไปใช้เป็นหลักประกันนอกตลาด จะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุน และช่วยลดจำนวนธุรกรรมดังกล่าวลงได้ ซึ่งคาดว่าสามารถจะสามารถออกเกณฑ์ได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ มองว่าการออกเกณฑ์ดังกล่าวไม่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์ฯ แต่จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน คาดมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้
ด้าน ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปวางค้ำประกันนอกตลาดนั้น มองว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว ซึ่งไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนหรือไม่ เพราะหากดูจากการนำหุ้นไปวางค้ำประกันในตลาด ก็จะพบว่ามีทั้งหุ้นที่มีปัญหาและไม่มีปัญหา
ดังนั้น นักลงทุนจะต้องกลับมาพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก หากหุ้นนั้นมีผลประกอบการดี กระแสเงินสดดี และมีราคาไม่แพงเกินไป ก็มีโอกาสเข้าลงทุนได้ อย่างไรก็ดี ต้องนำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น ดูเหตุผลว่าทำไมถึงมีการนำหุ้นไปวางค้ำประกันนอกตลาด
ทั้งนี้ การออกเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าว มองว่า จะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมและมีข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้