จับตาการผลักดันโครงการ “Entertainment Complex” ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ ด้าน บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ให้ความเห็นว่า ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาโครงการ Entertainment Complex มากขึ้น หลังจากที่มีการประกาศลงทุนจาก “ราชตฤณมัยสมาคมฯ” มูลค่า 2 แสนล้าน โดยมองว่าจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในระยะกลางถึงยาว พร้อมเปิดรายชื่อ 11 หุ้น ที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว
โดย นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กระแสความเชื่อมั่นตลาดต่อการเดินหน้านโยบาย Entertainment Complex เพิ่มขึ้น หลัง “ราชตฤณมัยสมาคมฯ” ประกาศลงทุนเม็ดเงิน 2 แสนล้านบาท หากอิงธุรกิจที่วางในโครงการดังกล่าว อาทิ กาสิโนถูกกฎหมาย สนามม้า โรงแรม 6 ดาว สนามกอล์ฟ ยอชต์คลับ ภัตตาคารหรู โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมกีฬาและบันเทิงอื่นๆ
โดยประเมินโครงการขนาดย่อยที่มีจำนวนมาก และภาพยอชต์คลับน่าจะเป็นจุดบ่งชี้สถานที่เป้าหมายได้ระดับหนึ่ง ว่าควรจะเป็นที่ดินขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำ โดยในส่วนกรุงเทพ ปัจจุบันที่ดินเข้าข่าย คือ ท่าเรือคลองเตย ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และรัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงอยู่แล้ว
ทั้งนี้ แม้กลไกก่อนที่โครงการจะเกิดขึ้นยังต้องใช้เวลา แม้อาจมีภาพการลงทุนโครงการ Mixed Use โดยยังไม่รวมโครงการกาสิโนที่รอข้อกฎหมายนำไปก่อน แต่หากมองแบบอนุรักษนิยม การลงทุนก็น่าจะเกิดขึ้นหลังจากการผ่านร่าง พ.ร.บ.กฎหมายควบคุมธุรกิจดังกล่าวยังอยู่ในช่วง Public Hearing หลังจากนั้นจะต้องผ่านขั้นตอนหลักๆ คือ
การเสนอร่างกฎหมายต่อ สส. และ สว. ทั้งสิ้น 3 วาระ จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร่างกฎหมาย และราชกิจจานุเบกษาประกาศใช้กฎหมาย โดยมีขั้นตอนเฉพาะโครงการ เช่น การคัดเลือกผู้ประกอบการ
บล.กรุงศรี ระบุอีกว่า หากขั้นตอนต่างๆ เดินหน้าต่อเนื่อง เรามองตลาดหุ้นไทยที่เศรษฐกิจจะมีภาพ New S-Curve ใหม่ๆ ต่อเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว ที่ตลาดขาดความเชื่อมั่นต่อภาพดังกล่าวของประเทศ
โดยหากอิงกรณีศึกษาจากมาเก๊า ที่เริ่มอนุญาตให้เอกชนลงทุน Entertainment Complex ช่วงปี 2000-2001 หลังทยอยสร้างแล้วเสร็จปี 2006-2011 เราพบว่านักท่องเที่ยวปี 2011 เพิ่มขึ้นจากปี 2005 ถึงราว 49.7%
ทำให้เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยยกระดับภาคบริการไทยขึ้นจากจุดสูงสุดในอดีต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยสูงสุดในปี 2019 ที่ 39.4 ล้านคน
ส่วนกลุ่มหุ้นจึงให้น้ำหนักจิตวิทยาทางบวกต่อกลุ่มต่างๆ ดังนี้