ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ส.ค.67 ปิดที่ 1,364.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 47,339.20 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 553.07 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า บริษัทในกลุ่มค้าปลีก 7 แห่งที่ศึกษา ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL และ HMPRO มีกำไรจากผลดำเนินงานไตรมาส 2/67 รวม 1.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 7.4% QoQ โดยยังได้ประโยชน์จากการขยายสาขาและศักยภาพการทำกำไรที่สูงขึ้น
ขณะที่ CPALL โดดเด่น มีกำไรปกติโตสูงสุด 37.4% YoY จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มีผลงานแข็งแกร่ง และหนุนโดย CPAXT ที่มีกำไรปกติโต 27.9% YoY เพราะผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Lotus’s ช่วยชดเชยผลประกอบการที่อ่อนตัวของ Makro ส่วน BJC กำไรปกติโต 1.5% YoY มีภาษีจ่ายสูงขึ้น แม้ได้ประโยชน์จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่เพิ่มขึ้น ส่วน CRC กำไรปกติลดลง 8.8%
YoY จากดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นและส่วนแบ่งกำไรลดลง แต่ยังมี GPM ทรงตัวจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับ DOHOME, GLOBAL และ HMPRO การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบในไตรมาส 2 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูง แต่กลุ่ม Home improvement แสดงให้เห็นความยืดหยุ่น ด้วยการบริหารอัตรากำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น DOHOME จึงนำกลุ่มด้วยกำไรปกติโตสูง 389% YoY จากฐานที่ต่ำ ส่วน GLOBAL มีกำไรปกติโต 8.8% และ HMPRO กำไรทรงตัว สะท้อนความสามารถในการรับมือแรงกดดันด้านยอดขาย ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่า ผู้ค้าปลีกที่ขายอาหารอย่าง CPALL และ CPAXT จะยัง outperform
ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่ไม่เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจเห็นการขยายตัวของ GDP ไทยชะลอตัวและแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง อาจทำให้ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ CGSI คาดไว้ในไตรมาส 2/68 เช่นไตรมาส 4/67 กรณีนี้มองว่า CRC น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลอยตัวสูง ทำให้ CRC ฟื้นตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่