ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (บจ.) ที่ทำการศึกษา 90 แห่ง มี EPS โต 31% YoY และ 6% QoQ ในไตรมาส 2/67 ซึ่งผลประกอบการโดยรวมถือว่าสอดคล้องกับที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งคือ กลุ่มเกษตร, กลุ่มอาหาร, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มโทรคมนาคมและกลุ่มขนส่ง
ส่วนกลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตอ่อนตัว ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค, กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น บจ.ที่ทำการศึกษาจึงมีกำไรโต 17% YoY ช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งค่อนข้างดีเมื่อประเมินจากเศรษฐกิจไตรมาส 2/67 ที่อ่อนตัว
แม้นับตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิ 1.2 แสนล้านบาท แต่คาดว่าเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน ก.ย.67 เมื่อความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลง บวกกับตลาดหุ้นไทย underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ จึงเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะเปลี่ยนจากการลงทุนในกลุ่มปลอดภัย (defensive) และกลุ่มที่มีธุรกิจในต่างประเทศ (external exposure) มาลงทุนในกลุ่มที่เน้นธุรกิจในประเทศ และกลุ่มที่ underperform ตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังมีพื้นฐานดี ดังนั้น หุ้น Top pick ของ CGSI คือ AMATA, BBL, BCH, CBG, CPALL, CRC, KLINIQ และ PTTEP
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 1,420 จุด เท่ากับ P/E 15 เท่าในปี 68 มอง upside risk มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลด Fed Fund rate เชิงรุก, การเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์ มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท และ กองทุน Thai ESG
ส่วน downside risk มาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ, ความล่าช้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม