ในที่สุดประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ“เห็นชอบ”ให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่31 และ เป็นนายกรัฐมนตรี หญิงคนที่2 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียง 319 ต่อ 145 เสียง ผู้งดออกเสียง 27เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง
แพทองธาร มีพอร์ตลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยมีการถือหุ้น 2บ ริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยมีมูลค่ารวม 3,081 ล้านบาทซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาล ที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้แพทองธารถือหุ้น
อันดับ 1บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือSCจำนวน 1,216 ล้านหุ้น หรือ คิด เป็น28.43 %มูลค่ารวม 2,991ล้านบาท
ถือหุ้นอันดับที่13 บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 จำนวน 5 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น0.64%ของทั้งหมดมูลค่า 90 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของทั้ง 2 บริษัทนั้นยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยพบว่า SC ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย มี ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 8,649.83 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14.66%
โดยมีรายได้จากการขายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากค่าเช่าและบริการนั้นมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งปีแรกของปี2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 36.69%
ขณะที่ผลการดำเนินงานของPR9 ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก มีรายได้ 2,178.0 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9.8% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 298.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% ในระหว่างปี2567 นี้ บริษัทฯดำเนินกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักทั้งในกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและผู้ป่วยชาวต่างชาติรวมทั้งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแบบชำระเงินเองหรือชำระโดยใช้ประกัน
ซึ่งบริษัทฯได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีอันเป็นผลมาจากรากฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของแพทย์คุณภาพการรักษาที่เทียบเท่ามาตรฐานสากลการบริการที่ดีและค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าในไตรมาส 2 ปี2567 ที่ผ่านมานี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายในการขยายฐานผู้ป่วยไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติทั้งกลุ่มตะวันออกกลางและกลุ่มCLMVที่ยังขยายและเป็นฐานการเติบโตที่ดีของโรงพยาบาลด้วยการสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับองค์กรและบริษัทประกันสุขภาพในต่างประเทศ