ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น JMART และ JMT ปรับตัวขึ้นชนราคาสูงสุดของวัน (ซีลลิ่ง) ณ เวลา 15.09 น. หุ้นบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JMART อยู่ที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ +29.67% ขณะที่บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JMT อยู่ที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท หรือ +29.29%
ขณะเดียวกัน หุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเจมาร์มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน นำโดยบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น J อยู่ที่ 1.68 บาท เพิ่มขึ้น 28.24%, บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SINGER อยู่ที่ 8.25 บาท เพิ่มขึ้น 26.92% และบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SGC อยู่ที่ 1.43 บาท เพิ่มขึ้น 27.68%
ทั้งนี้ JMART รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 พลิกมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 339.7 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุน 611.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 155.6%
โดยมีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินซื้อลูกหนี้และกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ ซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจบริหารเพิ่มขึ้น รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน และไม่มีรายการผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากสินทรัพย์ทางการเงินอื่น และไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมด้วย
ขณะที่ JMT รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 367 ล้านบาท ลดลง 33.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยระบุว่าไตรมาสนี้คาดเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการต่ำที่สุดของปี
เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนหุ้นกู้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าที่ลดลงจากปีก่อน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น
ด้าน บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เรามีมุมมองที่เป็นกลางต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ของ JMART ที่มีโดยมีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท จากขาดทุนในไตรมาส 2/66 ปัจจัยหลักคือ การปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ของ J และการเก็บเงินสดที่ดีของ JK AMC
ในขณะที่ JMT อ่อนตัวลงเนื่องจากการเก็บเงินสดและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีต่ำกว่าเป้าหมาย โดยรวมแล้วเรามองว่าผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว เราแนะนำให้รอดูความชัดเจนใน 2 ประเด็น ได้แก่ สินเชื่อ Lock Phone ของ SINGER ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และความสามารถในการติดตามหนี้ และค่าใช้จ่ายของ JMT หลังเร่งดำเนินคดี
นอกจากนี้มีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ JMT ที่มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 367 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 33% แต่สูงกว่าตลาดคาด 30% โดยปัจจัยหลักที่กำไรลดลงจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และ ECL ที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการไตรมาส 3/67 ฟื้นตัวได้จากไตรมาส 2/67 เนื่องจากมองภาพรวมของความสามารถในการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพจะดีขึ้นเล็กน้อยจากการเร่งดำเนินคดีตามนโยบายของบริษัท
ขณะที่คาดว่ายังลดลงหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อ่อนแอตามสภาพเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเห็นแนวโน้มการประมูลซื้อหนี้ที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการที่สถาบันการเงินนำหนี้ออกมาประมูลขายมากขึ้น.
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้