อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/67 จากความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THAI ได้มีการเพิ่มจํานวนเที่ยวบินและเส้นทางบินที่ให้บริการ เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว หนุนรายได้เติบโตจากปีก่อนได้
แต่ด้วยผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่า และการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ เป็นปัจจัยฉุดผลงานของ การบินไทย ในไตรมาส 2/67 ให้มีกำไรสุทธิลดลงกว่า 86.5% เหลือเพียง 314 ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THAI ระบุในการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า อุตสาหกรรมการบินโลกในไตรมาสที่ 2/67 ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงสุด ได้แก่ เอเชียแปซิฟิก
ภาพรวมปริมาณการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2567 ขยายตัว เฉลี่ย 10.1% เป็นการขยายตัวของปริมาณการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ 14.0% และในประเทศ 4.2% ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้า ขยายตัวเฉลี่ย 13.5% เมื่อ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สําหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สมาคมสายการบินเอเชียแปซิฟิก รายงานจํานวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 25.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 43,981 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 6,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.7% โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากกิจการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 5,323 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.2% เนื่องจากการเพิ่มจํานวนเที่ยวบิน และเส้นทางบินที่ให้บริการ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 2/66 บริษัทฯ ได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเมืองสําคัญ เช่น ซิดนีย์ โตเกียว (นาริตะ) โอซากา ไทเป ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงเพิ่มความถี่ไปยังประเทศจีน เพื่อตอบรับนโยบายการยกเว้นวีซ่า ระหว่างไทยกับจีน กลับไปให้บริการในเส้นทางเพิร์ท และ โคลัมโบ และได้ให้บริการเส้นทางใหม่ไปยังเมืองโกชิ ประเทศอินเดีย ซึ่งทําให้มีเครือข่ายเส้นทางบินให้บริการ ครอบคลุม 59 จุดบิน ใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยเป็น 8 จุดบินในประเทศ (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THAI รายงานว่า บริษัทฯ มีกําไรสุทธิจํานวน 314 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน 1,959 ล้านบาท โดยเป็นกําไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 306 ล้านบาท คิดเป็นกําไรต่อหุ้น 0.14 บาท ลดลงจากปีก่อน 0.90 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 86.5%
โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่า เครื่องบินที่คํานวณจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้น (Power by the Hour) จํานวน 4,401 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน 4,906 ล้านบาท หรือลดลง 52.7%
ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้ต้นทุนทางการเงิน (ซึ่งเป็นการรับรู้ต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับที่ 9: TFRS 9) จํานวน 4,796 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 829 ล้านบาท หรือ 20.9%
และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว สาเหตุหลักจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ถึงแม้จะมีกําไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และกําไรจากการขายสินทรัพย์ โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่ายรวม 809 ล้านบาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้