บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ โอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวจากความกังวลความเสี่ยง เศรษฐกิจ RECESSION อีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว น่าจะเกิดจาก VALUATION ของแต่ละตลาดที่ค่อนข้างแพง โดยประเมินว่าตลาดหุ้นต้องเผชิญกับความผันผวนต่อไปอีกระยะ
และมีโอกาสที่จะเห็น TECHNICAL REBOUND ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของตลาด หลังเกิด PANIC SELL ส่วนตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าการปรับตัวลดลงแรงเป็นผลมาจาก SENTIMENT ที่ได้รับมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ด้วยเนื้อหาของตลาดหุ้นไทย ที่ VALUATION ไม่แพง ขณะที่เศรษฐกิจอยู่ในฐานที่ต่ำและกำลังฟื้นตัว ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมา จึงถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว
แต่การ TRADING ระยะสั้นความเสี่ยงยังสูง หลัง PANIC SELL การเกิด TECHNICAL REBOUND ก็มักจะตามมา แต่ความผันผวนยังมีอยู่ต่อ คาด SET INDEX มีแนวรับที่ 1,265-1,270 จุด แนวต้าน 1,290 จุด TOP PICK เลือกหุ้น BDMS, CK และ CPALL!!
บล.ทิสโก้ แนะกลยุทธ์ลงทุนเลือกเทรดดิ้งสั้น เน้นตั้งรับ-ตราบใดที่ SET ยืน 1,300 ไม่ได้ Sentiment ยังเป็นลบ ซึ่งการรีบาวด์ของตลาด มองเป็นจังหวะขายกระชับพอร์ต เพื่อถือเงินสดเพิ่มขึ้นการเทรดดิ้งสั้นเหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง เน้นการตั้งรับ ทำรอบไว
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ แนะนำ BH, ITC ส่วนหุ้นเด่น เดือน ส.ค.ชอบ หุ้น AMATA, AP, CENTEL, COM 7, CPF, DMT, ITC, KCE หุ้นที่คาดว่างบฯจะออกมาดี ENERG-PTT, GULF, CKP/ICT-ADVANC, INTUCH / COMM-CPALL, CPAXT, CRC/ PROP-AMATA, CPN/FOOD-CPF, CBG, GFPT, ITC, TU เป็นต้น
หุ้นเป้าหมายกองทุน TESG และกองทุนวายุภักษ์-PTT, SCB, TTB, KTB, AOT, CPALL, BDMS หุ้นที่มี Dividend Yield สูงกว่าปีละ 6% และมีปันผลระหว่างกาล > 3% SIRI, DMT, KKP, TTB, EGCO, SABINA, LH
หุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมามาก มี Up side > 50% เช่น หุ้น AP, HMPRO, MAJOR, SJWD, TOA!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม