BEM เดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้ม เคาะค่าโดยสาร 17-44 บาท จ้าง CK ลุยงานก่อสร้าง-ระบบ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

BEM เดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้ม เคาะค่าโดยสาร 17-44 บาท จ้าง CK ลุยงานก่อสร้าง-ระบบ

Date Time: 23 ก.ค. 2567 16:57 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • BEM เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จ้าง CK ก่อสร้าง-จัดหาระบบ กำหนดเสร็จ 3 ปี 6 เดือน คาดค่าโดยสาร 17-44 บาท มั่นใจเริ่มเดินรถได้เร็วกว่าแผน คาดเดินรถเต็มระบบปี 2573 หวังโครงการ Double Deck-สายสีม่วงใต้ ได้ข้อสรุปปีนี้ BEM-CK ลุยเจรจาภาครัฐ พร้อมลงทุนก่อสร้าง

Latest


เกาะติดความเคลื่อนไหว บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BEM ผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท โดยบริษัทประกาศเดินหน้าทันที พร้อมเปิดเผยว่ามีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและการก่อสร้าง 


ล่าสุด BEM ประกาศลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธา และจัดหาระบบรถไฟฟ้า กับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CK มั่นใจประชาชนได้ใช้บริการก่อนกำหนด


เซ็นสัญญา CK ลุยสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม


ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมอบความไว้วางใจให้บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในวันนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาจ้าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหาติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสำหรับทั้งโครงการ 


โดยช่วงตะวันออกจากศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรีนั้น มีกำหนดแล้วเสร็จ ภายใน 3 ปี 6 เดือน ซึ่ง BEM มั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการส่วนนี้ได้ก่อนกำหนดอย่างแน่นอน  และช่วงตะวันตก มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 6 ปี โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากเริ่มเปิดให้บริการช่วงตะวันออก


ทั้งนี้ CK ได้จัดเตรียมทีมงานและเครื่องจักรอุปกรณ์พร้อมเข้าดำเนินงานได้ทันที จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถดำเนินงานได้แล้วเสร็จตามกำหนดการ อย่างมีคุณภาพและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุด


ส่วนการจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้านั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตเพื่อสั่งซื้อรถไฟฟ้าแบบลอตใหญ่รวม 53 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟฟ้าที่ใช้ในสายสีส้ม 32 ขบวน และรถไฟฟ้าสำหรับบริการในโครงการสายสีน้ำเงินเพิ่มเติมอีก 21 ขบวน โดยบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยเป็นลำดับแรก เห็นได้จากในโครงการที่ผ่านมาบริษัทเลือกใช้ผู้ผลิตจากประเทศเยอรมันและญี่ปุ่นเป็นหลัก


สำหรับเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 1.4 แสนล้านบาท BEM ได้จัดเตรียมเงินกู้วงเงินประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้สำหรับก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก 90,000 ล้านบาทและสำหรับงานระบบรถไฟฟ้า 30,000 ล้านบาท ควบคู่ไปกับเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น หุ้นกู้


ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในปีแรกของการให้บริการช่วงตะวันออก จะมีประมาณ 1.2 แสนคน/วัน และเมื่อเปิดตลอดเส้นทางคาดว่าจะมี 3 แสนคน/วัน สำหรับค่าโดยสารนั้นจะเริ่มต้นที่ 17-44 บาท ในช่วง 10 ปีแรก และจะมีการปรับค่าโดยสารตามดัชนีผู้บริโภค ทุกๆ 2 ปี


สายสีส้ม คือ New S-curve ดันสัดส่วนรายได้จากรถไฟฟ้าเกิน 50%


ดร.สมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของ BEM มีกำไรเติบโตจากการบริหารโครงการสัมปทานที่มีอยู่ทั้งรถไฟฟ้าและทางพิเศษ หลังจากกำไรที่เคยลดลงไปเมื่อช่วงโควิด-19 ตอนนี้กลับคืนมาแล้ว และยังทำกำไร New High ในทุกปีๆ จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง


การได้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็น New S-Curve ให้กับ BEM ช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนุนรายได้ให้กับสัมปทานตัวเดิมอย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เพราะจะส่งผู้ใช้บริการเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น


โดยตั้งแต่เปิดการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกนั้นจะมีผู้โดยสารประมาณ 80% เชื่อมเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทันที อีกทั้งยังทำให้เกิดการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ (Economy of Scale) และทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด 


ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกแล้ว จะทำให้สัดส่วนรายได้จากการให้บริการรถไฟฟ้าเกิน 50% ของรายได้รวม จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากทางด่วนเป็นหลักที่ 55% รถไฟฟ้า 40% แต่อย่างไรก็ดี กำไรส่วนใหญ่จะยังมาจากทางด่วนอยู่ เพราะ write off ไปหมดแล้ว


คาด Double Deck-สายสีม่วงใต้ ชัดเจนปีนี้


ส่วนโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระการลงทุนของภาครัฐ จึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะเดียวกันโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการคัดเลือกเอกชนบริหารงานเดินรถก็คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน โดย BEM พร้อมที่จะเจรจาในทุกรูปแบบ


สำหรับนโยบายตั๋วร่วมนั้น BEM พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้เตรียมระบบ EMV รองรับการใช้งานไว้แล้ว


ส่วนเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายถือเป็นเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์  BEM ก็พร้อมให้ความร่วมมือและเจรจาเหมือนกับโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามหลักการที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ