Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR
InvestmentPersonal FinanceEconomicsBusiness & MarketingTech & InnovationSustainabilityExperts PoolVideosPR News
HSBC เตือน “ลงทุนหุ้นไทย” ต้องใช้ความระมัดระวัง เผยตลาดหุ้นอื่นในเอเชียน่าสนกว่า

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

HSBC เตือน “ลงทุนหุ้นไทย” ต้องใช้ความระมัดระวัง เผยตลาดหุ้นอื่นในเอเชียน่าสนกว่า

Date Time: 4 ก.ค. 2567 16:45 น.

Video

Opn นวัตกรรมการเงินคนไทย ที่ไปโตเมืองนอก ขายซอฟต์แวร์ให้ฝรั่งใช้ | Digital Frontiers

Summary

  • เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง (HSBC GPB) เผยแนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567 ชูตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพ เป็นโอกาสการลงทุนเพื่อการเติบโตและผลกำไร เตือน “ลงทุนหุ้นไทย” ต้องใช้ความระมัดระวัง เผยตลาดหุ้นอื่นในเอเชียน่าสนกว่า

Latest


เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง (HSBC GPB) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ ปีนี้ ยังเติบโตมั่นคงที่ 2.6% และ 2.4% ในขณะที่จีดีพีเอเชียโต 4.7% ระบุแม้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง 1.5% ในไตรมาส 1/67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การใช้จ่ายในประเทศยังแข็งแกร่ง


พร้อมกันนี้ เชื่อมาตรการทางการคลังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนด้านงบประมาณ และกรอบระยะเวลาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการกลับมาของนักท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยหนุนเศรษฐกิจโต


อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าต้องใช้ความระมัดระวัง จากการประเมินศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่มองว่ามีโอกาสที่น่าสนใจมากกว่า ในตลาดหุ้นอื่นๆ ของเอเชีย


เจมส์ เชียว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้งแอนด์เวลธ์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง 1.5% ในไตรมาส 1 ของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 แต่อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และการลงทุนในประเทศไทยก็ยังทรงตัว


สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี มาตรการทางการคลังอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณและกรอบระยะเวลาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐก็ตาม


ส่วนการกลับมาของนักท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไฮซีซั่นในระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 และพฤศจิกายน-ธันวาคม 2567 


แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในช่วงหลังของปี 2567 แต่เรายังคงรักษาจุดยืนต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าต้องใช้ความระมัดระวังโดยพิจารณาจากการประเมินศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค


ในขณะที่มองว่ามีโอกาสที่น่าสนใจมากกว่าในตลาดหุ้นอื่นๆ ของเอเชีย นอกจากนั้นเรายังมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% ต่อไป


เปิด 4 ธีมการลงทุน สร้างการเติบโตและรายได้ในเอเชีย


1.เอเชียครองแชมป์การปฏิรูปบรรษัทภิบาล รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในเอเชียต่างกำลังเร่งปฏิรูปองค์กรธุรกิจเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนและยกระดับมูลค่าตลาดหุ้นให้ทัดเทียมตลาดโลก โดยเราเชื่อว่าบริษัทในญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้จะได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปการกำกับดูแลกิจการนี้ เนื่องจากบริษัทในประเทศเหล่านี้มีเงินสดสำรองจำนวนมาก มีหนี้สินต่ำ และมีความสามารถทางการเงินในการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผล การซื้อหุ้นคืน และกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท 


2.การปรับโฉมห่วงโซ่อุปทานของเอเชีย กลุ่มผู้นำการผลิตระดับไฮเอนด์ของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างรวดเร็วในเอเชีย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของโลก ส่วนในกลุ่มอาเซียนนั้น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามกำลังมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากการเป็นตลาดใหม่ขนาดใหญ่และฐานการผลิตที่มีต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะสำหรับบริษัทจีนที่เติบโตได้ช้าลงในประเทศและต้องการขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยกลยุทธ์ China+1 


3.การเติบโตของอินเดียและอาเซียน ธีมการลงทุนนี้มาจากการเล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียและอาเซียนจากปัจจัยบวก ได้แก่ จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของชนชั้นกลาง การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว 


4.คว้าผลตอบแทนการลงทุนในเอเชียจากตลาดอัตราดอกเบี้ยสูง เรามุ่งเน้นหาผลตอบแทนระดับสูงจากการลงทุนตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชียในกลุ่มที่มีอันดับเครดิตน่าลงทุน (IG) โดยเฉพาะในกลุ่มอายุคงเหลือ 5-7 ปี เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการที่อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ดูเหมือนจะเริ่มในเดือนกันยายน ทั้งนี้ เราคาดว่าธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียหลายแห่งจะเริ่มทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 


ดังนั้น เราจึงมุ่งเป้าการลงทุนไปที่ภาคการเงินของญี่ปุ่นและเกาหลีและตราสารหนี้ระดับการลงทุนของบริษัทเอกชน ตลอดจนตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของอินเดีย รวมถึงลงทุนในตราสารหนี้ Quasi-Sovereign ระดับ IG ของอินโดนีเซีย และตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบันเทิงในมาเก๊า รวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคมในประเทศจีน


ชูตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพ เป็นโอกาสการลงทุน

ด้าน ฟาน ชุค วาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้งแอนด์เวลธ์ เปิดเผยว่า ธนาคารฯ มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และยังคงเน้นการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนเงินสดไปเพิ่มการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่


ด้วยเราเชื่อว่าปัจจุบันได้ผ่านจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้และจุดต่ำสุดของภาวะเศรษฐกิจโลกมาแล้ว ซึ่งหมายความว่าผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนต่อไปจะขับเคลื่อนด้วยสองปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่สูงดึงดูดนักลงทุนและการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ


ทั้งนี้ โอกาสเติบโตของกำไรของภาคธุรกิจได้รับแรงหนุนจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นและแรงกดดันด้านต้นทุนที่เริ่มคลี่คลาย โดยอุปสงค์ภายในประเทศของสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่เศรษฐกิจในยุโรป และสหราชอาณาจักรก็เริ่มฟื้นตัว ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในปีนี้การเติบโตของจีดีพีโลกและสหรัฐฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงที่ 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ นอกจากนั้น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอยู่ที่ 4.9% ในปีนี้


ส่วนเศรษฐกิจอินเดียจะยังคงเติบโตสูงกว่าคาดการณ์ในหลายด้าน ซึ่งสอดคล้องกับที่เราเคยประเมินเอาไว้ว่า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตที่ 7.3% ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ภายใต้แรงผลักดันจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้เรากำลังขยายภาพการลงทุนไปยังภูมิภาคและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นในพอร์ตการลงทุนหุ้นทั่วโลกของเรา เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนและค้นหาหุ้นที่น่าสนใจในราคาที่สมเหตุสมผล


4 กลยุทธ์การลงทุนสำหรับครึ่งหลังของปี 2567


ฟาน ไฮไลต์ 4 กลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง ได้แก่ 


1.ขยายการลงทุนในหุ้นให้ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอันส่งผลต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทต่างๆ ในหลายภูมิภาคและหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น 


2.นำเงินสดไปลงทุนในตราสารหนี้และใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภท อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี การจัดสรรเงินลงทุนในตราสารหนี้และกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภทสามารถช่วยสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต 


3.ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private assets) มอบผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหลักทรัพย์เมื่อเทียบในระยะยาว 


4.ปลดล็อกสู่โอกาสที่ดีที่สุดในเอเชีย เอเชียยังคงเป็นกลไกการเติบโตที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพี 4.7% และอัตราการเติบโตของผลตอบแทน 23% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสดีที่สุดในการเข้าถึงธีมการเติบโตเชิงโครงสร้างของเอเชีย และมีมุมมองที่เป็นกลางต่อหุ้นฮ่องกงและจีนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์