นางสาวศิริพร สุวรรณการ ซีเนียร์ แมเนจจิ้ง ไดเร็คเตอร์ ไฟแนน เชียล แอดไวเซอรี เฮด ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึง ทิศทางการลงทุนในอนาคต ภายใต้หัวข้อ “จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร” รับมือ “ดอกเบี้ยขาลงและโอกาสลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความเสี่ยงที่ยังไม่หมดไป” ว่า ทิศทางของการลงทุนยังมองความน่าสนใจของตลาดหุ้นในต่างประเทศ และกระจายความเสี่ยงที่หลากหลาย โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เวียดนาม และหุ้นในยุโรป โดยยังเลี่ยงตลาดหุ้นจีน และตลาดในภูมิภาค สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นในขณะนี้มองว่าค่า P/E ของหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นของไทยยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นสูงมาก อย่างไรก็ตาม กรณีหุ้นไทยนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น โดยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังมีประเด็นความไม่แน่นอนอีกหลายเรื่องที่รอความชัดเจน
โดย KBank Private Banking แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเพื่อสะสมและต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาว ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 50-70% ให้ลงทุนเป็นพอร์ตหลัก โดยเลือกกองทุนผสมแบบ Risk-Based Approach ที่กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และส่วนที่ 2 ประมาณ 30-50% เป็นพอร์ตเสริม โดยแบ่งการลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโต เช่น กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป เวียดนาม ซึ่งใน ส่วนของ KBank Private Banking มีกองทุนที่รองรับการลงทุนเหล่านี้
ด้านโฮมิน ลี ซีเนียร์ เอเชีย มาโคร สตราตีจิส ลอมบาร์ด โอเดียร์ สิงคโปร์ กล่าวว่า คาดว่ามีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจโลกโตต่อเนื่องแบบช้าๆ แต่ไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จึงประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อได้
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก และประเด็นการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่จะทวีความรุนแรง หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่