จากแนวคิดของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษาการตั้ง “กองทุนวายุภักษ์” ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยใช้กองทุนนี้เพื่อประคองตลาด ส่งเสริมให้เกิดการออมและการลงทุนระยะยาว
ในครั้งนี้ “Thairath Money” รวบรวมข้อมูลผลงานที่น่าสนใจของ “กองทุนวายุภักษ์” ที่ช่วยประคองตลาดหุ้นไทย พร้อมเปิดพอร์ต 3.25 แสนล้าน ว่ามีหุ้นตัวไหนที่อยู่ในพอร์ตบ้าง
“กองทุนวายุภักษ์” ก่อตั้งในปี 2546 โดยกระทรวงการคลัง ในยุคของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นกองทุนรวมผสม ที่มีนโยบายการลงทุนในลักษณะการลงทุนเชิงรุก ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 325,091 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิ.ย. 67)
โดยแบ่งสัดส่วนการจัดการ 50% ระหว่างเป็นผู้จัดการกองทุน จำนวน 2 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
สำหรับผลประโยชน์ของผู้ลงทุนทั่วไป (หน่วย ก) จะได้รับผลตอบแทนตามจริง โดยมีขั้นต่ำต่อปีและขั้นสูงต่อปี เป็นเวลา 10 ปี และได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วย ข (สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น) ตามแนวชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น waterfall
จากการรวบรวมข้อมูลของ “Thairath Money” พบว่า “กองทุนวายุภักษ์” มีการถือหุ้นหลากหลายบริษัทในปัจจุบัน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน ทั้งพอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งสัดส่วนการจัดการที่ 50%
มาเริ่มกันที่ กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนรวมราว 8.57 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการถือหุ้นในกลุ่มพลังงาน 69.99% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 23.80% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 3.98% และอื่นๆ 2.23% โดยมีการถือหุ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTT จำนวน 1,739.90 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 56,440.48 ล้านบาท
2. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCB จำนวน 117.85 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 12,550.89 ล้านบาท
3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KTB จำนวน 273.55 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 4,711.61 ล้านบาท
4. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AOT จำนวน 52.69 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3,008.57 ล้านบาท
5. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TTB จำนวน 1,687.01 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 2,895.16 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีหุ้นอีกจำนวน 12 หลักทรัพย์ ได้แก่ BCP, BSRC, THAI, BKIH, IVL, KTB-P, SCCC, KCE, CENTEL, TFFIF, KWC และ BBGI ด้วย
ส่วน กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนรวมราว 8.52 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการถือหุ้นในกลุ่มพลังงาน 70.36% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 23.29% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 4.00% และอื่นๆ 1.72% โดยมีการถือหุ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTT จำนวน 1,736.90 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 56,440.48 ล้านบาท
2. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCB จำนวน 117.85 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 12,550.89 ล้านบาท
3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KTB จำนวน 273.55 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 4,711.61 ล้านบาท
4. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AOT จำนวน 51.69 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3,008.57 ล้านบาท
5. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TTB จำนวน 1,687.01 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 2,895.16 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีหุ้นอีกจำนวน 12 หลักทรัพย์ ในลักษณะเดียวกันกับกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้แก่ BCP, BSRC, THAI, BKIH, IVL, KTB-P, SCCC, KCE, CENTEL, TFFIF, KWC และ BBGI